08.มุ่งหน้าสู่หลักชัย

เป็นที่ทราบกันว่าโลกเรานั้น มีจำนวนประชากรเกินกว่า 7,000 ล้านคน ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเราล้วนแต่แตกต่างกัน เราเกิดมาจากชาติพันธุ์ ครอบครัว ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือแม้แต่ภาษาที่ใช้ในการสื่อสารก็แตกต่างกัน การสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ในชีวิตของแต่ละด้านก็แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความฝัน เป้าหมาย หรือความต้องการของแต่ละคนก็ล้วนแตกต่างเช่นกัน
แต่ความแตกต่างเหล่านี้เราไม่สามารถนำมาเป็นเครื่องชี้วัดได้เลยว่า ชีวิตใครจะประสบความสำเร็จได้มากกว่าใคร การที่เราเกิดมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยหรือการที่เราได้รับการศึกษาสูงๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จในชีวิตเสมอไป เพียงแต่ความร่ำรวยหรือการศึกษานั้นเป็นปัจจัยที่ทำให้เรามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนที่ด้อยโอกาสกว่าเราก็เท่านั้นเอง
หากไม่ใช่ฐานะ ความร่ำรวย หรือ การศึกษาสูงๆ ที่เป็นเครื่องชี้วัดถึงการประสบความสำเร็จ แล้วอะไรหรือที่เป็นเครื่องชี้วัด
ความบากบั่น ความมุ่งมั่นพยายามอย่างไม่ลดละต่างหาก ที่เป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดัน และขับเคลื่อนชีวิตของเราไปให้ถึงจุดหมายปลายทาง ดังคำกล่าวที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น”
กว่าคนเราจะประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ มากมาย ให้เราบอกกับตัวเราว่า ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาอย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเหนื่อยสักเพียงไร ปัญหาอุปสรรคมากมายขนาดไหน จงอย่าท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ และก็เป็นความจริงที่ว่า ในยามที่ชีวิตเราไม่ราบรื่น เราก็จะต้องมุมานะ บากบั่นมากกว่าปกติอีกหลายเท่า
ความมุ่งมั่นจะนำเราสู่ความสำเร็จ เพราะถ้าปราศจากความมุ่งมั่นแล้ว ชีวิตเราก็จะเปรียบเสมือนแสงเทียนที่ค่อยริบหรี่ลงไปจนกระทั่งดับมืดสนิท นั่นหมายถึง หากเราดำเนินชีวิตแม้จะยังไม่ถึงเส้นชัยหรือเป้าหมาย แต่เรากลับท้อใจ ท้อถอยเสียก่อน เราก็เป็นเสมือนผู้แพ้ที่ขาดความมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง สังคมและโลกที่เราอยู่
คนจำนวนมากมายที่ดำเนินชีวิตที่อยู่ในทางของพระเจ้า ได้เรียนรู้แบบอย่างของการบากบั่นอย่างไม่ท้อถอยจากคำสอนในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่กล่าวไว้ว่า “ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่งคือ ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วและโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกไว้จากเบื้องบนให้เราไปรับ” (ฟีลิปปี 3: 13)
สิ่งที่สำคัญก็คือ ให้เรา ลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งดีที่ทำให้เราประทับใจ ชื่นชมยินดีจนทำให้เราไม่กล้าที่จะก้าวต่อไปที่จะทำสิ่งใหม่ๆ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ดีเหมือนที่เคยทำมา คนมากมายเช่นกันที่ไม่สามารถลืมอดีตที่ทำให้เสียใจ ช้ำใจ ซึ่งก็เป็นอุปสรรคเช่นกันที่ทำให้ขาดความมั่นใจในการก้าวเดินต่อไป ก็ย่อมจะเหนี่ยวรั้งเราไว้จากความสำเร็จได้ เปรียบเสมือนนักวิ่งที่พยายามวิ่งเข้าสู่เส้นชัย แทนที่จะจับจ้องสายตาไปที่เส้นชัย แต่กลับหันไปมองด้านหลัง สุดท้ายก็ทำให้พ่ายแพ้ไปไม่ถึงเส้นชัย ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมัวแต่คิดถึงอดีต
เคล็ดลับก็อยู่ที่… ให้เรามองหรือมุ่งไปข้างหน้า ให้เราตั้งมั่นและจดจ่อไปที่เป้าหมาย ซึ่งเราได้กำหนดไว้โดยไม่วอกแวกหรือหวั่นไหวว่าใครจะพูดอย่างไร โดยเฉพาะอย่าหวั่นไหวกับเสียงหรือคำพูดด้านลบ ที่ทำให้เราท้อถอย หมดพลัง
คริสตชนเชื่อว่า เมื่อเราทำสิ่งดีใดๆ ก็ตามในชีวิต เราจะต้องบากบั่นมุ่งมั่นทำให้สำเร็จบรรลุเป้าหมาย แล้วรางวัลที่เราได้รับจากการถึงเป้าหมายนั้นจะเป็นอะไร ก็คงจะไม่ใช่รางวัลตามกระแสของชาวโลกที่มุ่งมั่นจะไขว่คว้ากัน เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ บารมี แต่เป็นรางวัลที่คริสตชนเราล้วนแต่มีความเชื่อว่าเราจะได้รับจากพระเจ้านั่นหมายถึง พระพรมากมายจะหลั่งไหลมาสู่ชีวิตเรา สิ่งที่ลืมไม่ได้คือ การอธิษฐาน ให้เรามอบเรื่องราว แผนงานที่เราวางไว้กับพระเจ้า แล้วพระองค์จะช่วยเรา และนี่แหละคือเคล็ดลับที่แท้จริงที่จะนำเราสู่ความสำเร็จ “จงมอบทางของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้ พระเจ้าทรงกระทำให้ทุกสิ่งมีเป้าหมายของมัน แม้คนชั่วร้ายก็เพื่อวันลำเค็ญ” (สุภาษิต16: 3-4)
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด