11.มีวาระสำหรับทุกสิ่ง

ในโลกนี้มีฤดูกาลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง แต่ในประเทศไทยเรามีเพียงแค่ 3 ฤดูเท่านั้น คือฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน ต่างก็มีฤดูกาลสำหรับทุกคน มีฤดูกาลแห่งความสุข ความชื่นชมยินดี ฤดูกาลแห่งความทุกข์ ความโศกเศร้า ฤดูกาลแห่งความเข้มแข็ง ฤดูกาลแห่งความอ่อนแอ และวาระของชีวิต เราก็ยังมีวาระเกิดและมีวาระตาย และวาระอื่นๆอีกมากมาย ดังคำกล่าวในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่ว่า
มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์...มีวาระเกิด และวาระตาย มีวาระปลูก และวาระถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง...มีวาระฆ่า และวาระรักษาให้หาย มีวาระรื้อทลายลง และวาระก่อสร้างขึ้น...มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ...มีวาระโยนหินทิ้ง และวาระเก็บรวบรวมหิน มีวาระสวมกอด และวาระงดเว้นการสวมกอด... มีวาระแสวงหา และวาระทำหาย วาระเก็บรักษาไว้ และวาระโยนทิ้งไป...มีวาระฉีกขาด และวาระเย็บ วาระนิ่งเงียบ และวาระพูด...มีวาระรัก และวาระเกลียด วาระสงคราม และวาระสันติ (พระธรรมปัญญาจารย์3:1-8)
วาระต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนแผ่นดินโลก ไม่มีวาระใดที่จีรังยั่งยืน ทุกสิ่งล้วนอนิจจังไม่เที่ยงแท้ทั้งสิ้น มีเกิด มีดับเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราอยู่ในโลกนี้แล้วเรายังไม่เข้าใจธรรมชาติของชีวิต เราก็จะมัวแต่ไปยึดติดอยู่กับเงินทอง วัตถุ ชื่อเสียง ความสะดวกสบาย และสิ่งรอบกายต่างๆ ทำให้เราใช้ชีวิตอย่างเป็นทุกข์ตัวอย่างเช่น วันนี้เรามีความรักกับใครสักคน ซึ่งคนๆ นั้นทำให้เรามีความสุข มีความหวังในชีวิต แต่พรุ่งนี้คนๆนั้นอาจจะหายไปจากชีวิตเราทำให้หัวใจเราแตกสลายก็เป็นไปได้ หรือว่าวันนี้เรายังทำงานด้วยความสุข สนุกสนาน แต่อีกไม่นานเราก็อาจจะถูกออกจากงานที่เราชอบก็เป็นไปได้ นั่นก็หมายความว่า ไม่มีใครเลยที่จะรู้อนาคตล่วงหน้าได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเรา
มีวาระสำหรับทุกสิ่งก็เช่น มีวาระร้องไห้และมีวาระหัวเราะ เมื่อเราเห็นเพื่อนเราร้องไห้ในวันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องร้องไห้ไปทั้งชีวิต พรุ่งนี้เขาอาจจะหัวเราะและมีความสุขกับชีวิตก็ได้ เมื่อเราเห็นใครท้อถอย ล้มเหลว อย่าคิดว่าเขาจะลุกขึ้นมาและมีชีวิตใหม่ไม่ได้
ภายใต้ดวงอาทิตย์ หรือโลกที่เราอยู่ทุกวันนี้ มีวาระสำหรับทุกสิ่ง ในบริบทหรือความเชื่อของคริสตชนเชื่อว่า ทุกอย่างในโลกนี้จะเป็นไปตามวาระที่พระเจ้าทรงกำหนด ทุกอย่างเป็นธรรมชาติของชีวิต และเมื่อเราเข้าใจชีวิต เราก็จะมีความสุขและมองเห็นความงดงามของสรรพสิ่งต่างๆในโลกนี้ถ้าเราเข้าใจได้อย่างนี้ เราก็จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีสติปัญญาและมีสติมากขึ้นเช่น เข้าใจว่าเมื่อมีเกิด ก็ต้องมีตาย เมื่อมีการรักกัน ก็ต้องมีการไม่ชอบกันหรือเกลียดกัน เมื่อมีการสร้างสิ่งต่างๆ เกิดขึ้น ก็ต้องมีการทำลาย บุบสลายหายไป โลกเรามี สองขั้วเสมอ...โลกที่เราอยู่นี้ไม่ว่าเราจะรักมันแค่ไหน วันหนึ่งวาระตายของเราก็ต้องมาถึง เราก็ต้องจากมันไปอยู่ดี...โลกที่เราอยู่นี้ไม่ว่าเราจะมีทรัพย์สมบัติ เงินทองมากหรือมีน้อย สุดท้ายคือ เราทุกคนก็ต้องตาย และนี่คือสัจธรรมของทุกชีวิตที่อยู่ในโลกนี้ ตั้งแต่เกิดเราเอาอะไรเข้ามาในโลกไม่ได้ และเมื่อเราตายเราก็จะเอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ ให้เราดำเนินชีวิตที่งดงามในวันนี้. ในโลกนี้ โลกที่พระเจ้าสร้างสรรพสิ่งอันงดงามให้กับเราดีกว่า
พระเจ้าทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินโลกนี้ รวมถึงการเป็นเจ้าของเราชีวิตเราด้วย ในเมื่อเราอยู่ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างมีวาระในตัวของมัน ดังนั้นเวลาที่พระเจ้าทรงประทานให้แก่มนุษย์เรานั้น ก็เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นพระพร ให้เรารู้จักใช้วันเวลาที่มีอยู่อย่างมีคุณค่าและความหมาย เพราะวันเวลาผ่านไปเปรียบเสมือนกระแสน้ำที่ไม่ไหลกลับคืนมาอีกพูดถึงเรื่องการใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีคุณค่า เวลานั้นผ่านไปเร็วมากและไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้เหมือนกระแสน้ำ นักปรัชญาชาวกรีกท่านหนึ่ง ที่ชื่อว่า เฮราคลิตุส ท่านเชื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้อยู่ในกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเลยที่จะคงอยู่ถาวรเป็นนิรันดร์ มีเกิด แล้วก็มีดับ ท่านเปรียบแนวคิดของการเปลี่ยนแปลงกับกระแสน้ำที่ไหล ซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า No one can step into the same river twice ซึ่งก็หมายความว่า ทุกครั้งที่เราก้าวเท้าลงไปในน้ำ ไม่มีใครเลยที่จะสัมผัสน้ำเดิมๆนั้นได้ ก็เพราะธรรมชาติของน้ำนั้นต้องไหล ฉะนั้นเราจะสัมผัสน้ำใหม่ๆที่ไหลมาสัมผัสเท้าเราเสมอ
เปรียบได้กับชีวิตของเรา ถ้าเราไม่ระมัดระวังในการใช้ชีวิตเราอาจจะทำผิดพลาดได้ และสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นอดีตที่เราไม่สามารถเรียกกลับมาแก้ไขได้เหมือนกระแสน้ำที่ไหลแล้วไม่หวนกลับ แต่สิ่งในอดีตจะเป็นบทเรียน เป็นประสบการณ์ เตือนเราไม่ให้ทำผิดพลาดอีก ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีวาระ คำถามก็คือ เราจะใช้เวลาของเราให้เกิดคุณค่ากับตัวเองและสังคมที่เราอยู่อย่างไร
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด