ที่ผ่านมาได้อ่านบทความสั้นๆบทหนึ่งแต่ไม่ได้ลงชื่อว่าใครเป็นผู้เขียน น่าเสียดายจริงๆ เลยไม่ทราบว่าจะให้เครดิตอย่างไร อย่างไรก็ตามก็ขอขอบคุณผู้เขียนสำหรับข้อความหนุนใจและข้อคิดดีๆ ซึ่งอ่านแล้วน่าจะเป็นข้อคิดที่เสริมประเด็นเรื่องราวเกี่ยวกับหัวข้อ ชีวิตที่เกิดผลนี้ได้เป็นอย่างดี
บทความนั้นได้เขียนไว้ว่า ในช่วงชีวิตหนึ่ง เราจะเจอผู้คนมากมาย แต่มีคนอยู่สามประเภทที่เราต้องพาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ ประเภทแรก คือ คนเก่ง เพราะคนเก่งจะทำให้เรารู้สึก ทึ่ง ทำให้เราได้เรียนรู้ วิธีคิด วิธีทำงานของเขา ซึ่งจะทำให้เรา เก่ง ตามไปด้วย ประเภทที่สองคือ คนดี คนดีจะทำให้เรารู้สึกถึงความสงบร่มเย็น ความรู้สึกที่อยากจะแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่น และคนประเภทสุดท้ายคือ คนที่มีความสุข คนที่มีความสุขจะทำให้เรา สุขใจ ไปด้วย เพราะเขาจะมองอะไรในมุมบวกเสมอ พลังแห่งความสุขจึงกระจายเข้าสู่ตัวเราด้วยชีวิตเราจะ เก่ง ดี และสุขใจได้ หากเราเลือกอยู่ใกล้ คนเก่ง คนดี และคนมีความสุขยิ่งอยู่ใกล้เรายิ่งเก่ง ยิ่งคบหาเรายิ่งดี ยิ่งพูดคุยเรายิ่งสุขใจชีวิตเราจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับคนที่เราเลือกคบให้เราลองนึกถึงต้นไม้ การที่ต้นไม้จะให้ผลได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ แต่ที่สำคัญที่สุดก็น่าจะเป็นแหล่งอาหาร ถ้าต้นไม้นั้นอยู่ในพื้นที่ที่แห้งแล้งกันดารขาดจากแหล่งอาหาร แน่นอนว่ามันคงไม่สามารถเกิดดอกออกผลและคงเหี่ยวแห้งตายในที่สุด แต่สำหรับต้นไม้ที่ปลูกในดินดี อยู่ริมน้ำ ได้รับอากาศบริสุทธิ์ แสงแดดส่องถึง มันย่อมเติบโตและให้ผลงดงาม ชีวิตเราก็เช่นกัน ถ้าเรามีชีวิตที่ได้รับแหล่งอาหารทางด้านจิตใจหรือจิตวิญญาณที่สมบูรณ์ เราก็จะเติบโตทางความคิดและจิตวิญญาณ ผลจากชีวิตที่เราแสดงออกมาก็จะเป็นสิ่งที่ดีงามด้วยเช่นกัน
คริสตชนมีความเชื่อว่า ทุกย่างก้าวของชีวิตเราอยู่ในแผนการของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานชีวิตให้เราและพระองค์ต้องการเห็นเราเป็นคนที่เกิดผล ดังคำกล่าวในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่ว่า “เราได้เลือกท่านทั้งหลายและได้แต่งตั้งท่านทั้งหลายไว้ให้ท่านไปเกิดผล และเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่” (ยอห์น 15:16)
เราสามารถตรวจสอบชีวิตของเราดูได้ว่าเรามีชีวิตที่เกิดผลดีหรือไม่ โดยดูจากการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละวันว่าเรามีสิ่งดีงาม 9 สิ่งนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นผลที่เกิดจากชีวิตและจิตวิญญาณของเรา ก็คือ ความรักความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อมการรู้จักบังคับตน ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกบัญญัติไว้ในพระธรรมกาลาเทียบทที่ 5 ข้อ 22-23
การมีชีวิตที่เกิดผลในอีกมุมมองหนึ่ง เราอาจจะพูดถึงคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็ได้ บางคนมีความรู้มีประสบการณ์มากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นอาจไร้ประโยชน์ ถ้าหากคนคนนั้นไม่ได้นำออกมาใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์กับคนรอบข้างด้วย คนมีความรู้มีประสบการณ์แต่หวงไว้ ไม่ยอมถ่ายทอดให้ผู้อื่น ในที่สุดก็จะถูกมองข้ามและกลายเป็นคนไร้ค่าในที่สุด เราจึงควรรีบฉวยโอกาสพยายามที่จะทำตัวให้มีประโยชน์มีคุณค่าดีกว่า เพราะไม่เพียงแต่ตัวเราเองจะมีความสุขที่ได้แบ่งปัน คนที่ได้รับความรู้หรือประสบการณ์จากเราก็จะนับถือและให้มิตรภาพที่ดีตอบแทนกลับมาด้วย
คำพูดที่ว่า เราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะเป็นอะไรก็ได้นั่นหมายถึง เราเลือกได้ว่าเราอยากเป็นต้นไม้ที่เกิดผลดี หรือเป็นต้นไม้ที่เกิดผลเลว ซึ่งหากเราต้องการจะเป็นต้นไม้ที่เกิดผลดีเราก็ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ นั่นหมายถึง เราจะต้องอยู่ในสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ที่เสริมสร้างชีวิตและจิตวิญญาณเราให้เติบโตเข้มแข็ง พูดง่ายๆ ก็คือ เราจะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทางจิตวิญญาณและมีชีวิตที่เป็นพรแก่คนรอบข้างและสังคม ดังข้อพระคัมภีร์ที่ว่า“คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้าเขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมน้ำ ซึ่งหยั่งรากของมันออกไปข้างลำน้ำ เมื่อแดดส่องมาถึงก็ไม่กลัวเพราะใบของมันคงเขียวอยู่เสมอและไม่กระวนกระวายในปีที่แห้งแล้ง เพราะมันไม่หยุดที่จะออกผล ” (เยเรมีย์ 17:7-8 )
พระเจ้าทรงเปรียบเราเป็นเหมือนต้นไม้ที่เกิดดอกออกผล พระองค์ทรงหวังที่จะเห็นลูกของพระองค์มีชีวิตที่เกิดผล ไม่ว่าจะเป็นผลที่ดีในชีวิตส่วนตัว ครอบครัว การงาน และทุกด้าน
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654