สำหรับผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่กำลังอ่อนล้า ใจเป็นทุกข์ ทำอย่างไรให้มีความสุขกับงาน ไม่ใช่ว่าเช้าตื่นขึ้นมาไม่อยากลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน เพราะไม่อยากต้องไปเผชิญกับความเบื่อหน่ายที่ทำงาน ไม่อยากเห็นหน้าคนที่เราไม่อยากเห็นหรือแม้แต่จะพูดคุยด้วย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มีอิทธิพลและเป็นผลทำให้สภาพจิตใจของเราเหี่ยวแห้งและจะหมดพลังไปในที่สุด และไม่เพียงแค่นี้ เมื่อจิตใจอยู่ในสภาพที่ไม่ดีก็จะส่งผลถึงสภาพร่างกายที่อ่อนแอไปด้วย
ใจร่าเริงเป็นยาอย่างดี ย่อมมีผลต่อสุขภาพจิตใจและร่างกายอย่างแน่นอน หากเราบอกกับตัวเองว่านับจากวันนี้ จะไม่เครียดอีกแล้ว ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็จะพยายามเครียดให้น้อยที่สุด หรือ ขจัดความเครียดออกไปจากชีวิตให้เร็วที่สุด แล้วเลือกที่จะหัวเราะให้มากขึ้น
จากงานวิจัยบอกเราว่า การหัวเราะเป็นยาอย่างดีสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างพลังและลดความเครียดได้ดีจริงๆ งานวิจัยยังบอกเราอีกว่า การอยู่กับคนอื่นทำให้เราหัวเราะได้มากกว่าการที่เราอยู่คนเดียวถึง 30 เท่า! บางคนก็พูดกันว่า “การหัวเราะทำให้อายุยืน”มีเรื่องเล่าคลายเครียดที่หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว เรื่องก็มีอยู่ว่ามีหญิงชราวัย 80 ปีคนหนึ่ง เธอหัวใจวายและต้องเข้าโรงพยาบาล เธอจึงอธิษฐานขอให้พระเจ้ารักษา และขอให้พระองค์ต่ออายุของเธอให้ยืนยาวไปอีก พระองค์ทรงฟังคำวิงวอนของเธอก็ตัดสินใจต่ออายุให้อีก 20 ปี ซึ่งเธอดีใจมากๆเลย หลังจากนั้นเธอจึงไปทำศัลยกรรมใบหน้าให้เหมือนเด็กสาวๆ พอเธอทำศัลยกรรมเสร็จเธอก้าวออกจากโรงพยาบาล แล้วเธอก็ถูกรถชนเสียชีวิตที่หน้าโรงพยาบาลนั้นเอง เธอจึงต่อว่าพระเจ้า“ทำไมพระองค์ต่ออายุให้ข้าพระองค์แล้ว จึงให้ข้าพระองค์ต้องมาเสียชีวิตกะทันหัน?” พระเจ้าจึงตรัสกับเธอว่า “ขอโทษที เราจำเจ้าไม่ได้!”
จิตใจร่าเริงเป็นพรกับชีวิตของเราอย่างไร ในเบื้องต้นเราต้องทำความเข้าใจในความหมายของคำว่า จิตใจร่าเริง ….. จิตใจร่าเริง มีความหมายซึ่งอยู่ในกลุ่มหรือหมวดหมู่เดียวกันกับ ใจชื่นบาน ใจเมตตา ใจกรุณา ใจปรานี ใจอ่อนสุภาพ ใจกว้าง ใจเกรงกลัว ใจซื่อสัตย์ ส่วนในทางตรงกันข้ามใจที่ทำให้กระดูกแห้ง ก็คือใจที่ขมขื่น ใจกังวล ใจแข็งกระด้าง ใจคด ใจชั่ว ใจคิดร้าย ใจดื้อดึง ใจโกรธแค้น ใจอิจฉาริษยา
มีข้อเท็จริงที่ว่า สุขภาพกายและสุขภาพจิตใจนั้นเกี่ยวโยงกัน ทั้งสองส่งผลต่อกันและกันโดยตรง เมื่อเรามีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง จิตใจเราก็จะสดใส ร่าเริง อารมณ์ดี มีกำลัง มีสติปัญญาในการในการทำสิ่งต่างๆ ไม่เพียงแค่ตัวเอง แต่ยังสามารถช่วยเหลือผู้อื่นที่อยู่ร่วมในสังคมเราได้ดีอีกด้วย เป็นการดำเนินชีวิตที่เป็นพรให้กับผู้อื่น หากเรามีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแอเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ จิตใจเราก็จะหดหู่ เครียด อารมณ์เสีย ขาดกำลังและสติปัญญาในการขับเคลื่อนงานในโลกนี้มีผู้คนมากมายที่ทุกข์กายและใจ ให้เราถามใจตัวเองว่า พร้อมที่จะให้อะไรกับผู้คนที่อยู่รอบข้าง ให้เราเริ่มที่จะแบ่งปันด้วยการเริ่มตรงหัวใจที่ถ่อม ยอมทำเพื่อคนที่เราไม่รู้จัก คนที่ไม่รักเรา โดยที่ไม่ต้องหวังสิ่งใดตอบแทน ให้ด้วยความรัก เช่นให้รอยยิ้ม ให้เสียงหัวเราะ …เพียงเท่านี้เราก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ให้แล้ว แล้ว ผลที่ตามมาก็ทำให้เรามีจิตใจที่ชื่นบาน ร่าเริง พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้เปรียบ ใจร่าเริง เป็นยาอย่างดี หมายถึงการมีสุขภาพกายและใจที่ดี
คริสตชนเชื่อว่าหากเราเปิดใจให้ถ้อยคำหรือพระคำของพระเจ้าเข้ามาติดสนิทในชีวิตเรา พระคำของพระองค์จะนำการรักษามาสู่เรา …..ให้เราขจัดความขมขื่น ความคิด การกระทำที่ไม่ดีออกจากชีวิตเรา ด้วยการอ่านและฟังถ้อยคำที่ทำให้หัวใจเบิกบาน พระคำของพระเจ้ามีฤทธิ์อำนาจเปลี่ยนจิตใจที่ไม่ชื่นชมยินดี จิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวลให้เป็นจิตใจที่ชื่นชมยินดี ……ให้เรามีจิตใจที่ร่าเริงอยู่เสมอแม้จะต้องเจอปัญหามากมาย ให้เราขอบคุณพระเจ้าในทุกสถาณการณ์ ท้ายนี้ขอจบด้วยข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “ใจที่สงบให้ชีวิตแก่เนื้อหนัง แต่กิเลสทำให้กระดูกผุ” (สุภาษิต 14:30)
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654