เคยมีบ้างไหมที่รู้สึกว่าวันนี้ทุกอย่างรอบตัวดูแย่จัง ไม่ว่าจะทำอะไรก็เจอแต่ปัญหา มีแต่เรื่องร้ายๆไปเสียหมด หากคุณกำลังเผชิญกับสภาพดังที่ว่านี้ อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาที่เลวร้ายทำลายวันนั้นของคุณ ลองหันมาใช้พลังบวกในตัวเองเปลี่ยนมุมลบในวันแย่ๆ ให้เป็นวันที่สดใสกัน การที่เราเชื่อในกฎของแรงดึงดูดก็หมายความว่า ถ้าเราคิดอย่างไรก็จะเป็นเช่นนั้น การมองหาสิ่งที่ดีๆในชีวิตแม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้ายแต่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพโดยรวมของคนเรา การคิดบวกไม่ต้องลงทุนเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่กลับช่วยให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากมายที่พิสูจน์แล้วว่าคนที่มองโลกในแง่บวกมักมีสุขภาพกายและใจที่ดี มีอายุยืนยาวทั้งยังประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่มีทัศนคติในแง่ลบเมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกแย่ ให้เราคิดเสมอว่า "จะต้องมีอะไรดีๆ รอเราอยู่เป็นแน่” ให้เรา “เริ่มต้นทุกวันด้วยการคิดดี” ประโยคเล็กๆ เพียงเท่านี้ เชื่อว่าจะทำให้สมองและหัวใจของเราได้ถูกยึดโยงและประสานกันไปสู่เรื่องราวดีๆ แล้วเป็นการเพิ่มความสดใสให้กับชีวิต คนคิดบวกในที่นี้หมายถึง คนที่มองโลกอย่างเป็นกลางไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้ายหากพูดถึงการเป็นคนคิดบวก ส่วนใหญ่แล้วเราก็คงนึกถึงคนที่มีอุปนิสัยมองโลกในแง่ดี มีทัศนคติที่เปิดกว้าง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และแน่นอนว่าคงไม่มีใครหรอกที่จะลุกขึ้นมาหรือกล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นคนคิดบวก ความสุขของคนเราขึ้นอยู่กับมุมมองของการใช้ชีวิต หากมัวแต่มองชีวิตเฉพาะในส่วนที่ผิดพลาดล้มเหลว ชีวิตก็คงไร้ซึ่งความสุข แต่ในทางกลับกัน .. ถ้าหากว่าเรามองชีวิตในด้านบวกและมองเห็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตแต่ละวัน แล้วเลือกที่จะมองข้ามส่วนที่ผิดพลาดล้มเหลวไป ชีวิตของเราก็คงจะมีคุณค่า มีความสุขมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อส่วนการสำรวจตัวเองว่าเป็นคนคิดบวกหรือไม่ ก็คือการมีทัศนะคติความคิดดีๆ ให้กับตัวเองเพราะความคิดบวกจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าเรายังไม่สามารถรู้สึกดีกับตัวเองก่อน เราอาจจะยิ้มให้กับตัวเองบ้างในกระจก เพราะการยิ้มทำให้ความเครียดลดลงได้หรืออาจจะเปิดอ่านบันทึกของวันดีๆ เปิดดูภาพถ่าย/คลิปวิดีโอสั้นๆ ของช่วงเวลาที่เราประทับใจ ช่วงเวลาของความสำเร็จหรือความภาคภูมิใจในวันเก่าๆ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยทำให้ความคิดร้ายๆ ความคิดที่ไม่ดีค่อยๆ จางไปได้ และทำให้ความคิดด้านดีๆ ทั้งต่อตนเอง ผู้อื่น หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อมค่อยๆกลับมา เพียงเท่านี้ ถ้าเราเริ่มฝึกคิดบวกก็จะทำให้หลายต่อหลายคนได้มีกำลังใจ มีการมองชีวิตในมุมที่ดีขึ้นบ้างจากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารจิตวิทยาบุคลิกภาพและสังคมของสหรัฐอเมริกาเผยว่า การคิดบวกเป็นส่วนหนึ่งของการทำให้ตัวเองมีความสุข โดยที่การคิดบวกนั้นไม่ใช่การคิดหาคำตอบว่าอะไรถูกหรือผิด แต่เป็นการคิดเพื่อให้เราได้เข้าใจในสิ่งที่กำลังเป็นไปผลการวิจัยส่วนใหญ่เผยว่า คนที่มองโลกในแง่ดีมักมีสุขภาพกายและใจดีตามไปด้วย เพราะพวกเขามีเคล็ดลับอยู่เพียงสิ่งเดียวคือ การทำตัวเองให้มีความสุขด้วยการหากิจกรรมทำ ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ว่างๆ เพราะเมื่อสุขภาพจิตดีร่างกายก็แข็งแรงตามไปด้วย ไม่เจ็บป่วยง่ายและก็ไม่ต้องกินยานั่นก็หมายความว่า การคิดบวกเป็นการกระตุ้นให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานเป็นปกติ เกิดการดูดซึมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงการนำไปใช้เผาผลาญเป็นพลังงานที่ส่งผลให้เราแข็งแรงขึ้น เห็นได้จากคนที่ร่าเริง แจ่มใสมักไม่ค่อยเจ็บป่วยง่าย“คนเราถ้าไม่คิดจะเปลี่ยนจะไม่มีวันเปลี่ยนเพราะความคิดสร้างการกระทำ ถ้าเราคิดเหมือนเดิมจะทำเหมือนเดิม แต่ถ้าคิดใหม่จะทำใหม่ ถ้าเราเปลี่ยนความคิด การกระทำเปลี่ยน ผลลัพธ์เปลี่ยน เราก็ได้สิ่งใหม่.. เมื่อเราทำได้ เราก็จะได้ แล้วเราก็จะเดินหน้าทำต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกล้วนเป็นอนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน เพราะฉะนั้น อย่าให้เรายึดมั่นถือมั่น จนทำให้ชีวิตเป็นทุกข์ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ตอนหนึ่งได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง” ผู้เขียนกล่าวว่า “มีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์”(ปัญญาจารย์.3:1) แล้วท่านก็ได้บรรยายถึงฤดูกาลต่างๆ ที่มนุษย์ประสบ ได้แก่การเกิดและตาย การสูญหายและได้มา การร้องไห้และหัวเราะ การไว้ทุกข์และเต้นรำ ซึ่งเปรียบดังฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติ ซึ่งฤดูกาลในชีวิตมนุษย์ก็เป็นเช่นเดียวกันไม่มีสถานการณ์ใดในชีวิตของเราที่คงเดิม เหมือนเดิมและอยู่อย่างยั่งยืนถาวร ในบางครั้งบางคราวเราก็ยินดีกับการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาในชีวิตเรา แต่หลายครั้งก็เป็นเรื่องยากที่เราจะรับการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยความชื่นชมยินดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีความทุกข์และการสูญเสียเกิดขึ้น แต่อย่าลืมว่ามนุษย์เรามีพลังในการที่จะคิดบวกหรือไม่ก็คิดลบ แต่ถ้าเราอยู่ในสภาพที่แย่ อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งแน่นอนก็คงยากที่จะขับเคลื่อนพลังความคิดดีๆ ความคิดสร้างสรรค์ออกมาได้คริสตชนเรามีความเชื่อว่า ไม่ว่าชีวิตเราจะเผชิญกับสถานการณ์อย่างไร ดีหรือร้าย ทุกข์หรือสุข ให้เราขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณีพร้อมอธิษฐานฝากเรื่องราวในชีวิตไว้กับพระองค์ ทุกสิ่งในโลกนี้ผันแปร เปลี่ยนแปลง แต่พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ไม่มีวันผันแปร (มาลาคี.3:6) พระองค์ยังคงเหมือนเดิม เราจึงวางใจในพระองค์ได้ท่ามกลางฤดูกาลชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป พระองค์ทรงสถิตกับเราเสมอ และสันติสุขของพระองค์มีฤทธิ์อำนาจคุ้มครองจิตใจของเรา และความรักของพระองค์ก็จะทำให้จิตวิญญาณของเรามั่นคงถ้าเลือกได้ ก็ให้เราเลือกที่จะคบหาสมาคมในวงเพื่อนฝูงที่คิดบวก คิดดี เพราะนั่นหมายถึงจะทำให้พลังแห่งการคิดบวกของเราเพิ่มมากขึ้น การคิดบวกเป็นนิสัยที่ฝึกฝนและติดต่อกันได้ แค่อยู่ในกลุ่มคนที่มองโลกแง่ดี เราก็จะติดนิสัยคิดบวกได้เช่นกัน หากรอบกายของเราเต็มไปด้วยคนหดหู่ สิ้นหวัง มองทุกอย่างในแง่ลบ เชื่อว่า..เราก็คงยิ้มไม่ออกและคิดอะไรไม่ออกเช่นกัน
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654