28.กำลังใจ

ผู้คนมากมายในโลกนี้ต้องประสบปัญหากับความผิดหวัง สิ่งที่เราคาดหวังไม่เป็นดั่งหวัง ไม่ประสบผลสำเร็จ สิ่งที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความบอบช้ำจนทำให้เราต้องจมอยู่กับความทุกข์การที่บางช่วงบางตอนของชีวิตเรานั้นต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก นั่นแสดงให้เราเห็นว่า เรากำลังก้าวสู่ "ชีวิตที่เป็นจริง" เพราะความเป็นจริงของชีวิตจะสอนให้เรารู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ สอนให้เรารู้จักการสูญเสีย การร้องไห้ ก็เพื่อที่จะได้รอยยิ้มและความชื่นชมยินดีคืนกลับมาเป็นรางวัลตอบแทน
แต่ความทุกข์นั้นมันก็ไม่เคยทำให้ใครต้องหมดสิ้นความหวัง หมดสิ้นพลังและกำลังใจ เพียงแค่มันเป็นความจริงของชีวิตที่เราต้องเผชิญ ความจริงที่สอนให้พวกเราทุกคนรู้ว่า เราอย่าเพียงแค่สร้างความหวังเท่านั้น แต่ให้เรามีความเชื่อมั่นในความหวังด้วย เพราะความเชื่อมั่นจะนำพาเราไปพบกับ "หนทางสู่ความสำเร็จ" แม้ว่าจะต้องฝ่าฟันอะไรอีกมากมายกว่าจะถึงวันนั้น แม้ว่าจะต้องล้มลงอีกสักกี่ครั้ง แม้ว่าจะต้องผิดหวังอย่างมากอีกสักกี่หนก็ตาม
พระคริสตธรรมคัมภีร์ หนังสือพระธรรมสุภาษิต บทที่ 4 ข้อที่ 18-19 กล่าวไว้ว่า “แต่วิถีของคนชอบธรรมเหมือนแสงอรุณ ยิ่งฉายสุกใสยิ่งๆขึ้นจนสว่างเต็มที่ ทางของคนอธรรมก็เหมือนความมืดทึบ พวกเขาไม่ทราบว่าสะดุดอะไร” ปัญญา คือ ความรอบรู้ คนที่มีปัญญาจึงสามารถคิดแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดีแสงสว่างย่อมส่องสว่างไปได้แต่เพียงที่มันไปถึงเท่านั้น เช่น แสงสว่างของดวงอาทิตย์ แสงสว่างของดวงจันทร์ หรือแม้แต่แสงสว่างของหลอดไฟ เปลวไฟ แต่แสงสว่างแห่งปัญญาสามารถส่องสว่างได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีอะไรสามารถปิดกั้นได้ คนที่มีปัญญาเปรียบเสมือนแสงอรุณ แสงสว่างที่มีแต่จะนำพาชีวิตให้ดียิ่งขึ้นๆ
ส่วนคนที่ขาดปัญญาเปรียบเสมือนชีวิตที่อยู่ในความมืด คนจำนวนมากมายมองไม่เห็นแม้แต่ความดีหรือความชั่วที่ตัวเองทำ เพราะขาดสติปัญญาในการรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดีขอเป็นกำลังใจและหนุนใจทุกท่านที่ทุกก้าวของชีวิตจะก้าวไปด้วยความมั่นใจ ด้วยการดำเนินชีวิตด้วยปัญญา แล้วสิ่งดีๆ มากมายจะเข้ามาในชีวิต แต่ที่สำคัญอย่าท้อใจกันก่อน อย่าให้เราเมื่อยล้าที่จะทำความดีเพราะถ้าเราไม่ท้อใจกันเสียก่อน เราก็จะได้รับสิ่งดีมากมายเข้ามาในชีวิตเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม
ในการดำเนินชีวิตของเรานั้น เราไม่อาจบังคับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ เราไม่อาจสั่งให้ใครเป็นอย่างที่เราพอใจได้ พูดง่ายๆ ก็คือ อะไรจะเกิดขึ้นในชีวิตเราร้ายหรือดีเราไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ แล้วเราก็ไม่สามารถปรับเปลี่ยนผู้คนรอบข้างเราได้เหมือนดังที่เราคาดหวังไว้ แต่เราสามารถปรับใจของเราได้ ปรับความคิดของเราได้และปรับปรุงตัวของเราได้ โดยเราจะอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราเป็นพลังในการขับเคลื่อนนาวาชีวิตลำนี้ของเราไปสู่เป้าหมายหรือความสำเร็จที่เราต้องการได้
ในบางครั้งสิ่งที่เราคาดหวัง อาจไม่เป็นดั่งหวังนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของชีวิตที่เราอยู่ในโลกนี้ สรรพสิ่งในโลกล้วนไม่เที่ยงแท้ มีขึ้นมีลงอยู่ตลอดเวลาเช่น มีลาภก็มีเสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ มีตำแหน่ง วันดีคืนดี ตำแหน่งนั้นก็หายไปเสียแล้ว มีการยกย่องสรรเสริญ ก็มีการนินทาว่าร้ายกัน มีสุขก็มีทุกข์ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต่างก็หมุนเวียนเปลี่ยนไป ทุกอย่างมีวาระในตัวของมันเองคนในสมัยโบราณจึงมีคำสอนที่ว่า "เมื่อเราเจอเรื่องดีใจก็ให้เราเพียงแต่ยิ้มเท่านั้น อย่าถึงกับหัวเราะดังสนั่น ไม่อย่างนั้นถึงคราวที่เราต้องพบกับเรื่องเสียใจเราจะต้องร้องไห้ออกมา และเมื่อเราพบกับความยากลำบากก็อย่าให้เราท้อถอย ค่อย ๆ แก้ปัญหาไปทีละขั้นตอนด้วยปัญญา ด้วยใจที่สุขุมมั่นคง ให้เรายึดมั่น ความดี สุดท้ายปัญหาก็จะคลี่คลายไป เรื่องร้ายจะกลายเป็นดีในที่สุด
บางคนให้กำลังใจกับตัวเองและคนอื่นด้วยการปรับทัศนะคติทางความคิดที่ว่า ปล่อยให้ชีวิตได้เจอกับความผิดพลาดเสียบ้าง ปล่อยให้ความคาดหวังของเรานั้นได้เจอกับความผิดหวังบ้าง ปล่อยให้ความฝันนั้นเป็นเพียงความฝันที่ไม่เป็นจริง ปล่อยให้อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด แม้ว่าเกิดขึ้นแล้วจะเลวร้ายกับชีวิตก็ตามทีเพราะทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้น จะช่วยสอนและช่วยเป็นบทเรียนอันล้ำค่าให้แก่ชีวิตที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้
ในเวลาที่ใจเราแตกสลายและเรามองไม่เห็นใคร ไม่มีคนใดจะหยุดฟังเราเลยซักคน แต่ก็มีใครคนหนึ่งที่ได้ยินทุกอย่างที่ใจของเราคิด ใจเรากังวล และคนๆ นั้นก็เป็นห่วงเป็นใยเรามาก คนๆ นั้นรักเรา เป็นความรักที่ไม่เหมือนความรักของใคร นั่นคือความรักขององค์พระเยซู พระเยซูยังอยู่กับเราตรงนี้ ทุกนาทีไม่ห่างไกล เพียงแค่เราเปิดใจให้พระองค์ช่วยดูแล ไม่ว่าวันไหนพระองค์ยังคอยดูแลและอยู่ข้างกายเราเสมอ
ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต ไม่มีใครที่จะไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือชีวิต ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหาเรา เราก็จะไม่รู้ว่าความสุขที่แท้เป็นอย่างไร ความทุกข์พิสูจน์ให้เรารู้ว่าเราเป็นคนอ่อนแอหรือเข้มแข็ง เมื่อใดที่มีความทุกข์ให้คิดเสมอว่าเราได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้รู้จักการเติบโตในทุกๆก้าว พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าที่ให้กำลังใจเราเสมอ พระองค์ทรงให้กำลังใจผู้ท้อแท้ ผู้สิ้นหวัง ดังพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่กล่าวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่หัวใจแตกสลายและทรงช่วยผู้ที่ท้อแท้สิ้นหวัง ( สดุดี 34:18)
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด