ในชีวิตการทำงานนั้น เรามักจะพบเจอปัญหาจากบรรดาเพื่อนร่วมงานหรือไม่ก็นายจ้าง หัวหน้างาน ทำให้หลายๆคนถึงกับเกิดความท้อแท้ที่จะทำงาน บางคนก็อาจกำลังท้อแท้เพราะเรื่องการเรียนที่อาจจะไปไม่ถึงฝัน ไม่ได้ดังใจตามที่ตัวเองต้องการและก็อีกมากมายที่กำลังมีปัญหาในการดำเนินชีวิต ปัญหาครอบครัวบ้าง ความรักบ้าง หรือบางคนก็ดำเนินธุรกิจส่วนตัวที่อาจจะกำลังมีปัญหาหลายต่อหลายคนกำลังเหนื่อยกับการสู้ชีวิต ก็อยู่ที่ว่าเราจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ ถ้าเราลุกขึ้นสู้และสู้ไม่ยอมถอย เราก็สามารถผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้ไปได้อย่างแน่นอน เราก็จะเป็นผู้ชนะ ปัญหาหรือความทุกข์นั้นสามารถเปลี่ยนเป็นพระพรได้
ปัญญานั้นเป็นแสงสว่าง เป็นทางนำชีวิต เพื่อนำเราให้ก้าวเดินจากความไม่รู้ไปสู่เส้นทางที่มั่นคงของชีวิตให้ปลอดภัย ราบรื่น สงบสันติและมีความสุข นักเรียนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ทำให้รู้สึกหมดหวังในชีวิตมีความทุกข์มากมาย เพราะไม่รู้ว่ายังมีเส้นทางอื่นอีกมากมายที่เขาจะก้าวเดินต่อไปได้ ประตูชีวิตจึงปิดสนิทบางคนก็ตัดสินใจทำร้ายตัวเองและเช่นกันมีคนเป็นอันมากที่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหายจน แม้แต่คนรวยบางคนก็ไม่มีความสุขเพราะอยากได้อยากมีมากขึ้นไปอีก การไม่รู้ว่าจะทำชีวิตให้มีความสุขได้อย่างไรจึงทำให้เกิดความทุกข์ ดังนั้นเราจึงต้องแสวงหาความรู้เพราะความรู้เป็นบ่อเกิดของความสำเร็จและความรู้นั้นก็ได้มาจากปัญญาที่เราแสวงหานั่นเอง เมื่อปัญญานั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นแสงสว่างแห่งชีวิต เราแสวงหา แล้วเราพบก็จะทำให้เรามีอนาคตที่ดี มีความหวังต่อไปดังพระคริสตธรรมคัมภีร์ ในหนังสือพระธรรมสุภาษิตบทที่ 24 ข้อที่ 14 ที่กล่าวไว้ว่า”จงรู้เถอะว่าปัญญาก็เป็นเช่นนั้นแก่วิญญาณ ถ้าเจ้าพบปัญญา ก็จะมีอนาคตและความหวังของเจ้าจะไม่ถูกตัดออก”
ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ มีลมหายใจอยู่ แน่นอนว่าเราจะต้องพบเจอกับวิกฤติ ปัญหาต่างๆซึ่งเราหนีไม่พ้น บางคนเจอปัญหาใหญ่ บางคนเจอปัญหาเล็กน้อย แต่ไม่ว่าปัญหาที่พบเจอนั้นจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กน้อย ก็คือปัญหาเหมือนกันยิ่งในสังคมปัจจุบันที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมากมายในทางวัตถุ ในทางความรู้ ในทางเทคโนโลยี แต่ในทางกลับกันศีลธรรมจริยธรรมนั้นไม่ได้เจริญตามไปด้วย นั่นทำให้เห็นว่าความเจริญทางด้านวัตถุมีมากกว่าความเจริญทางด้านจิตใจ จึงส่งผลให้เกิดปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านอาชญากรรม ยาเสพติด เศรษฐกิจ การเมือง ครอบครัว อุบัติเหตุ ผู้คนมากมายต้องการหนีปัญหาที่กำลังพบเจอด้วยการทำร้ายตัวเอง ฆ่าตัวตายเพราะชีวิตเต็มไปด้วยความเครียด หาทางออกไม่ได้
สำหรับคริสตชน ผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าคงจะไม่ตอบสนองต่อปัญหาหรือวิกฤติในชีวิตที่เกิดขึ้นโดยวิธีการดังกล่าวแน่นอน แต่การตอบสนองปัญหาที่เกิดขึ้น จะต้องเป็นในเชิงบวก ผลต้องออกมาดีทำให้ชีวิตมีความสุข นั่นหมายถึงเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยพระพร ซึ่งเป็นพระพรที่เกิดขึ้นหรือได้รับในท่ามกลางความทุกข์ยาก บางคนอาจจะได้รับพระพรในขณะที่ปัญหายังไม่จบและบางคนก็อาจจะได้รับพระพรหลังจากปัญหานั้นผ่านพ้นไปแล้ว
มีสาวกท่านหนึ่งของพระเยซูคริสต์ชื่อว่าเปโตร อาจารย์เปโตรท่านนี้เมื่อท่านได้เริ่มสร้างคริสตจักรหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโบสถ์คริสต์ในยุคแรก ท่านเจอวิกฤติ ปัญหา การถูกข่มเหง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มากในเวลานั้นและเป็นวิกฤติอย่างใหญ่หลวงของอาจารย์เปโตร เพราะท่านถูกจำจองในคุกและจะถูกนำไปฆ่าซึ่งท่านรู้ว่าท่านต้องตายเหมือนผู้อื่นอย่างแน่นอนแต่ในท่ามกลางวิกฤตินี้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ การช่วยให้รอด การช่วยกู้จากท่านผู้หนึ่ง ตามความเชื่อของคริสตชนแล้ว แน่นอนว่าต้องเป็นพระเยซูคริสต์ พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระองค์สามารถทำทุกสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
ในท่ามกลางวิกฤติและปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาจารย์เปโตรนั้น อาจารย์เปโตรมืดแปดด้าน ไม่มีทางออกแน่ๆตามสายตาและความคิดมนุษย์นั้นคงตายแน่นอน เพราะหนีไม่ได้แน่ มีโซ่ล่ามไว้ มีทหารยามเฝ้าประตูคุกอย่างแน่นหนาซึ่งเวลานั้นเปโตรได้แต่นอนรอความตายเท่านั้น ในสถานการณ์เช่นนี้อาจารย์เปโตรผู้ที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าท่านต้องอธิษฐานขอพระเจ้าให้ช่วยเหลือ นอกจากนี้ผู้คนมากมายในคริสตจักรซึ่งเป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้าก็มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เขาได้ร่วมใจกันอธิษฐานเพื่อเปโตร ด้วยใจร้อนรน เพื่อให้เปโตรรอดจากการถูกฆ่าแล้วในที่สุดด้วยพลังของการอธิษฐานการอัศจรรย์จากพระเจ้าก็เกิดขึ้นกับเปโตรทำให้เขาสามารถรอดจากความตายได้ อาจารย์เปโตรและผู้คนรอบข้างของท่านตอบสนองกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการอธิษฐาน การเชื่อและวางใจในองค์พระเยซูคริสต์ นั่นหมายความว่าเมื่อเราเจอกับวิกฤติและปัญหาในชีวิต และเราได้แบ่งปันพูดคุยกับครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่มีความเชื่อเหมือนกัน พวกเขาก็จะช่วยกัน ร่วมกันอธิษฐานเผื่อเรา เราก็จะพ้นจากปัญหาเหมือนกรณีของอาจารย์เปโตร พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัย เป็นที่กำบังให้กับเราทุกคน พระองค์จะทรงช่วยเหลือเราในยามยากลำบาก หากเราวางใจพระองค์
คำกล่าวที่ว่า “ทุกปัญหามีพระพรซ่อนอยู่” ฟังแล้วดูเหมือนว่าจะเข้าใจยาก แต่ไม่ยาก ชีวิตของเราอาจจะกำลังเผชิญกับปัญหา ความทุกข์ยากลำบากต่างๆจนเราเองก็รู้สึกสับสน วุ่นวาย งงๆ ว่ามันอะไรกันนักหนาและเราอาจจะพยายามแก้ไขปัญหา และพึ่งกำลังของเราเองจนเรารู้สึกเหนื่อยและล้าอย่าให้เรามองว่าปัญหาเป็นสิ่งเลวร้าย เพราะจะทำให้เรามีใจที่ขมขื่น และรู้สึกกลัวที่จะเผชิญ แต่ขอให้เรามอบทางเดินนั้น มอบธุรกิจการงาน การเรียน ครอบครัวของเรานั้นต่อพระเจ้า ให้เราเปิดใจกับพระเจ้า บอกถึงปัญหา ความทุกข์ใจนั้นต่อพระองค์ โดยพระเจ้าเราจะสามารถเดินผ่านความยากลำบากไปได้อย่างแน่นอน
แม้ว่าในชีวิตจริง เราอาจพบกับปัญหา และอุปสรรค แต่ขอให้เราแน่ใจว่ามีการดีซ่อนอยู่เพราะพระทัยของพระเจ้าต้องการให้เราประสบความสำเร็จในทุกสิ่ง เราจะมีความเจริญรุ่งเรืองด้านครอบครัว ความเจริญรุ่งเรืองด้านการงานและการเงินพระเจ้าจะให้งานของเราเป็นงานที่เกิดผลมาก และมีประสิทธิภาพสูง พระองค์จะทรงอวยพรเรา เช่น ให้เราเป็นผู้ให้ยืม ไม่ใช่ขอยืมจากผู้อื่น ดังพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่กล่าวไว้ว่า“พระเจ้าจะเปิดคลังฟ้าอันดีของพระองค์ประทานฝน แก่ท่านตามฤดูกาล และทรงอำนวยพระพรแก่กิจการน้ำมือของท่าน และท่านจะให้ประชาชาติหลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืมเขา” (เฉลยธรรมบัญญัติ 28:12)
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654