33.พระพรแห่งการเชื่อฟัง

การเชื่อฟังเป็นสิ่งที่ดีกับชีวิตของเรา อย่างน้อยก็ทำให้ผู้คนได้เห็นถึงความถ่อมใจหรือความอ่อนน้อมถ่อมตนในตัวเรา โดยเฉพาะการเชื่อฟังพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ ผู้ที่มีพระคุณต่อชีวิตเรา เชื่อฟังอย่างเดียวไม่พอ ให้เรามีหัวใจของการขอบพระคุณทุกคนที่มีส่วนที่ทำให้ชีวิตเราดีและจำเริญขึ้น และที่สำคัญที่ลืมไม่ได้เลยสำหรับชีวิตคริสตชน เราต้องเชื่อฟังคำสอนขององค์พระเยซูคริสต์ พร้อมขอบคุณพระองค์ในทุกกรณี ทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แล้วพระพรแห่งการเชื่อฟังก็จะบังเกิดในชีวิตเรามากมาย
เราต้องให้ความเคารพเชื่อฟังพ่อแม่ ให้เกียรติท่านผู้ที่เลี้ยงดูเรามา และที่สำคัญจะต้องเชื่อฟังท่าน เมื่อท่านตักเตือนเรา เมื่อเราทำผิดก็ให้เรายอมเชื่อฟังท่านพร้อมยอมรับผิดและปรับตัวใหม่ ไม่ทำตัวให้ท่านเป็นห่วง กังวลดังคำสอนที่กล่าวไว้ในหนังสือพระธรรมสุภาษิต บทที่ 1 ข้อที่ 8 ว่า “บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้าและอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า”
ข้าพเจ้าเติบโตมาจากครอบครัวที่มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นคนที่สาม แม่จะเป็นคนเดียวที่เลี้ยงดูพวกเราทั้งหมด เพราะว่าพ่อไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่ข้าพเจ้าอายุได้ 4 ขวบ จากสถานการณ์ในช่วงนั้นทำให้แม่ต้องออกไปทำงานแต่เช้ามืดประมาณตี4 ตี5 แล้วก็กลับบ้านประมาณหนึ่งทุ่ม 2 ทุ่ม ทุกวัน ท่านขยัน อดทน ทำงานหนักมาก เราค้าขายเล็กๆ ข้าพเจ้าสนิทกับแม่มากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ บ่อยครั้งที่ต้องตื่นแต่เช้าพร้อมแม่และไปช่วยงานจำได้ว่า ไม่ว่าแม่สั่งสอนอะไร ข้าพเจ้าก็เชื่อฟังและปฏิบัติตาม เช่นเมื่อยังเรียนอยู่ ไม่ให้ไปค้างคืนที่ไหน ไม่ให้มีแฟนในช่วงเรียน ไม่ให้พูดโกหก หรือทำสิ่งใดๆที่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อน ข้าพเจ้าก็เชื่อฟังและปฏิบัติตาม แม่ข้าพเจ้าสั่งสอน อบรมมากๆโดยเฉพาะให้มุ่งมั่นด้านการเรียนและการทำงาน จำได้ว่าข้าพเจ้ามีหน้าที่ล้างจานทุกวันในบ้านตั้งแต่อายุประมาณ 7-8 ขวบจนกระทั่งโตเป็นสาวก็ยังทำอยู่ แม่สั่งสอนให้เรารู้จักช่วยเหลือตัวเองจะได้ไม่เป็นภาระกับคนอื่น ข้าพเจ้าก็เชื่อฟัง
แต่ก็มีบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ที่บางทีข้าพเจ้าและพี่น้องคนอื่นๆไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องห้าม ต้องเตือนด้วย และเราก็อยากท้าทาย ตอนนั้นยังเด็ก สุดท้ายก็โดนทำโทษและเมื่อเติบโตขึ้น ก็คิดได้ ได้เห็นถึงผลของการไม่เชื่อฟังว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย
แม่ของข้าพเจ้าเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนั้นข้าพเจ้าอายุประมาณ 24 – 25 ปี เห็นจะได้ บางคนถามข้าพเจ้าว่า หากแม่ข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าพเจ้าต้องการจะบอกอะไรกับแม่ ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับแม่ว่า....แม่เป็นแม่ที่วิเศษที่สุดในโลก ที่ไม่มีแม่คนไหนเทียบเท่าได้ ภูมิใจมากๆที่ได้เกิดเป็นลูกแม่ ถ้าไม่มีแม่ในวันนั้น ก็จะไม่มีข้าพเจ้าในวันนี้ อยากจะบอกว่า คนๆนี้ เป็นผลที่ผลิตมาจากการพร่ำสอนของแม่ ....รักแม่
บิดามารดามีหน้าที่รับผิดชอบที่จะต้องดูแลและเตือนเราโดยเฉพาะเด็กๆ และเยาวชนเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตในทางใดทางหนึ่ง เราอาจเคยถูกเตือนว่า “อย่าเอามือไปแหย่ปลั๊กไฟนะ เดี๋ยวมันจะดูดเอา อย่าเล่นกับไฟ เพราะมันร้อน มือจะพองเอา อย่าเข้าใกล้บ่อน้ำมันอันตรายเดี๋ยวจะตกลงไป เวลาข้ามถนนก็ให้มองซ้ายมองขวาก่อนนะจึงจะข้าม แต่ก็มีคนจำนวนมากที่ไม่เชื่อฟังคำเตือนเหล่านี้ ทำให้ได้รับบาดเจ็บหรือบางคนต้องเสียชีวิตการเชื่อฟังบิดารมารดานั้นเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ถูกต้องสมควรเป็นอย่างยิ่ง การเชื่อฟังยังนับเป็นการดำเนินชีวิตที่ฉลาดอีกด้วย ดังพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่กล่าวว่า “จงฟังคำสั่งสอน และจงฉลาดและอย่าเพิกเฉยเสีย” ( สุภาษิต 8:33)คริสตชนเชื่อว่าการเชื่อฟังบิดามารดานั้นเป็นการที่เราดำเนินชีวิตเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าด้วย ดังคำสอนข้อหนึ่งที่ว่า “ฝ่ายบุตรทั้งหลายจงเชื่อฟังบิดามารดาของตนทุกอย่าง เพราะการนี้เป็นที่ชอบพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (โคโลสี 3: 20) พระพรจากการเชื่อฟัง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อฟังบิดามารดาหรือเชื่อฟังพระเจ้าเป็นสิ่งดีทั้งสิ้นและเป็นประโยชน์ในการดำเนินชีวิต เมื่อเราเชื่อฟังพระเจ้า เราได้แสดงให้พระเจ้าทรงเห็นว่าเรารักพระองค์และมีความศรัทธาในพระองค์ มากกว่าที่เรามีต่อตนเอง ซึ่งในพระธรรม 1ยอห์น บทที่5ข้อที่3 ได้บอกเราเรื่องนี้ไว้ว่า “เพราะนี่แหละเป็นความรักต่อพระเจ้า คือที่เราทั้งหลายประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์”
เมื่อเราให้เกียรติบิดามารดาโดยเชื่อฟังท่าน เราก็ให้เกียรติพระเจ้าด้วย เพราะเป็นพระบัญชาของพระองค์ที่ให้เราเชื่อฟังบิดามารดา แต่ที่สำคัญที่สุด การเชื่อฟังของเรานั้นทำให้พระเจ้า พระบิดาของเรามีความสุข และพระองค์จะประทานบำเหน็จรางวัลแก่เราด้วยวิธีต่างๆที่น่าอัศจรรย์ใจ แม้ในบางช่วงบางเวลาเราอาจจะถูกว่ากล่าวตักเตือน ตีสอน ซึ่งการตีสอนก็เป็นเรื่องที่ดูไม่น่ายินดีเลยในเวลานั้นแต่น่าเศร้าใจเสียมากกว่า แต่เมื่อเราถ่อมใจเชื่อฟังและพร้อมที่จะปรับตัวแก้ไขในสิ่งผิด ก็จะก่อให้เกิดผลดีคือสันติสุข ซึ่งสันติสุขนั้นเราได้รับจากการทีเราถูกฝึกฝนผ่านการตีสอนนั้น
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด