34.รักคนที่ไม่น่ารัก

การมีเพื่อนที่ดีนับเป็นพระพรอย่างหนึ่งในการดำเนินชีวิต เพราะทำให้ชีวิตของเราเข้าที่เข้าทาง เดินในทางที่ถูกต้อง เพื่อนที่รักเรา จะช่วยคิด ช่วยทำ ช่วยเตือนเราไม่ให้พลั้งพลาดหรือขาดสติทำในสิ่งที่ไม่ดี หากเรามีเพื่อนคนหนึ่งที่มีนิสัยดี แต่มีเพื่อนอีกคนหนึ่งที่มีพฤติกรรมที่ตรงกันข้ามกับเพื่อนที่ดีคนนี้ เช่น เพื่อนอีกคนเป็นคนที่เห็นแก่ตัว ไม่มีน้ำใจ ชอบนินทา ว่ากล่าวเราลับหลัง ทำให้เราเดือดร้อน เสียใจ ให้เราคิดดูว่าเราจะยังคงมอบความรัก ให้กับคนที่ไม่น่ารักคนนี้ได้อีกมั้ย
คำถามอยู่ที่ว่า เราสามารถรักคนที่ไม่น่ารักได้มั้ย คนจำนวนมากมายตอบได้ทันทีเลยว่า คงจะทำใจยากที่จะรักคนที่ไม่ดีกับเราซึ่งก็นับว่าเป็นคำตอบที่มีความสัตย์ซื่อต่อความรู้สึกของตัวเอง เพราะโดยธรรมชาติแล้วก็คงไม่มีใครที่รักคนที่ไม่น่ารัก ดังนั้นคนที่จะรักคนที่ไม่น่ารักได้นั้นจะต้องเป็นคนที่มีหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก การให้อภัยจริงๆ ซึ่งความรักของคนนี้จะต้องเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขใดๆเลย พูดว่าเป็นรักวิเศษ ก็ว่าได้
รักวิเศษ หรือที่หลายคนเรียกว่ารักอัศจรรย์นี้ สำหรับมนุษย์อย่างเราแล้วมันคงจะทำยากมากๆเลย เพราะเราจะต้องพัฒนา ปรับหัวใจของเราให้รักคนที่ไม่ดี คนไม่รักเรา แต่...ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่เราจะทำไม่ได้ คนจำนวนมากมายเช่นกันมีเคล็ดลับในการดำเนินชีวิตเมื่อบางช่วงบางตอนต้องเผชิญกับปัญหาอุปสรรค ต้องพบต้องเกี่ยวข้องกับคนไม่น่ารัก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกัน เพื่อนที่ทำงาน หรือแม้แต่คนในครอบครัว ญาติพี่น้องของเราเอง รักวิเศษนี้จะไม่มีในมนุษย์อย่างเรา เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข รักได้แม้แต่คนที่ไม่น่ารัก ดังคำกล่าวที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” (มัทธิว 22 :39)
บางคนบอกว่าลำพังรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเองก็ทำยากอยู่แล้ว เพราะเราก็ต้องรักตัวเราเองและก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ดังนั้นการรักคนอื่นให้เท่ากับรักตัวเองนั่นก็คือ เราต้องปฎิบัติกับคนอื่นให้เหมือนกับปฎิบัติกับตนเอง จะเป็นไปได้หรือในความเป็นจริง …..แต่ นี่ เราต้องรักศัตรู รักคนที่ไม่ชอบเราด้วย มันจะเป็นการฝืนธรรมชาติที่มากเกินไปมั้ย
ประเด็นของความรักที่พูดถึงนี้เป็นความรักที่บัญญัติไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ ซึ่งเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข เช่น เราสามารถรักได้แม้กระทั่งศัตรู เป็นทัศนคติของพระเยซูคริสต์ในเรื่องการรักศัตรู ซึ่งความรักในรูปแบบนี้มาจากคำศัพท์ที่เรียกว่า อากาเป… อากาเป เป็นความรักที่เรามีความปรารถนาดีต่อผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ว่าผู้นั้นจะปฎิบัติต่อเราเลวร้ายเพียงใดก็ตาม
หลายคนอาจจจะยังสงสัยอยู่ว่า เราจะปฎิบัติตามบัญญัตินี้ได้อย่างไรในเมื่อมันฝืนธรรมชาติเพราะพ่อแม่ยังรักลูกไม่เท่ากันเลย พ่อแม่บางคนโกรธ น้อยใจลูกที่เลี้ยงอย่างไรก็ไม่ได้ดีก็ทำให้ตัดขาดหรือไม่พูดกับลูกก็มี …….ครูอาจารย์บางท่านก็ยังไม่สามารถอดทน อดกลั้นกับความเกเรของนักเรียนนักศึกษาได้เลย สุดท้ายก็ปล่อยปละละเลยเด็กพวกที่เกเร แล้วอย่างนี้จะให้มีใจไปรักศัตรูได้อย่างไรเมื่อเราพูดถึงความรักนั้นย่อมหมายถึงเราพูดถึงเรื่องของหัวใจ ซึ่งความหมายของคำกล่าวที่ว่าให้เรารักคนที่ไม่น่ารักและให้เรารักศัตรูนั้น …..อย่างที่ได้พูดไปแล้วว่าเป็นทัศนคติของพระเยซูคริสต์ในเรื่องของการรักศัตรู พระองค์ไม่ได้หมายความว่าให้เราตกหลุมรักศัตรูเหมือนหนุ่มสาวที่รักกัน พระองค์ก็ไม่ได้หมายความว่าให้เรารักศัตรูเท่าๆกับพ่อแม่พี่น้องเรา และพระองค์ก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องรักศัตรูเหมือนกับที่เรารักเพื่อนสนิทมิตรสหายของเราแต่สิ่งที่พระองค์ต้องการให้เราทำคือ ต้องการให้เรามีน้ำใจกับผู้ที่ไม่ชอบ ผู้ที่เกลียดชังเรา ซึ่งจะทำได้อย่างไรเพราะมันเป็นการฝืนธรรมชาติและความรู้สึกของมนุษย์ธรรมดาๆอย่างเรา แต่มันก็เป็นการฝึกที่เราจะพยายามในการทำดีทุกวิถีทาง มีเมตตาต่อพวกเขามิใช่หรือ และที่สำคัญเราจะถูกหล่อหลอมให้เป็นคนที่มีหัวใจของการให้อภัยเมื่อเราทำความดีเฉพาะแก่ตนเองเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้วแต่ยังดีไม่พอ เราจึงควรที่จะทำสิ่งดีๆกับผู้อื่นด้วย เราก็จะได้รับสิ่งดีๆกลับเข้ามาในชีวิต ดังคำกล่าวที่เราได้ยินกันมาตั้งแต่เด็กว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว … เราหว่านอย่างไร เราก็จะเก็บเกี่ยวอย่างนั้น หากเราหว่านความรัก ความดีงาม เราก็จะได้รับความสุข ความชื่นชมยินดีกลับมา…… หากเราหว่านความเกลียดชังให้ผู้อื่น เราก็จะรับความทุกข์ ความไม่สบายใจ
กับคำถามที่ว่า หากเราทำดีกับคนที่ไม่น่ารักรวมถึงคนที่เกลียดชังเรา แต่เขาก็ยังไม่เห็นความดีของเราเลย แล้วเราจะได้รับอะไรตอบแทน
บัญญัติรักที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นบัญญัติที่พระเยซูคริสต์ ที่ต้องการให้คริสตชนยึดถือไว้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เพื่อเราทุกคนจะเป็นเหมือนพระองค์ จะได้เป็นบุตรของพระองค์อย่างแท้จริง เป็นบุตรแห่งความสว่างนั่นหมายถึงเป็นคนดี ถ้าเราฝึกใจ ปรับใจ ปรับทัศนคติ มีหัวใจของการเป็นผู้ให้อภัย เราก็จะมีความสุขและสันติสุขในที่สุดเมื่อเรานึกถึงเพื่อน คนรักซึ่งในอดีตครั้งหนึ่งหรือหลายๆครั้ง ทำให้เราไม่พอใจ ทำให้เราโกรธกระทั่งวันนี้เราก็ยังไม่ให้อภัยพวกเขาเลย แต่ในวันนี้เมื่อเราเข้าใจในบัญญัติรักนี้แล้ว เราอาจจะได้คิดและนึกถึงสิ่งดีๆหรือประโยชน์ในตัวพวกเขาในอีกหลายๆด้านให้เราคิดว่า อย่างน้อยที่พวกเขาได้เข้ามาในชีวิตเรานั้นก็เป็นประโยชน์กับชีวิตเรา ที่ทำให้เราได้มีประสบการณ์ชีวิต มีบทเรียน มีความเข้มแข็ง อดทน อดกลั้นกับสถานกาณ์ที่แย่ๆของชีวิตและเราก็สามารถผ่านมันมาได้ แต่…มันก็เป็นอดีตไปแล้วเพราะเวลาก็ผ่านไป ไม่หวนกลับคืนมา มีสิ่งเดียวที่ทำได้ คือการถ่อมใจ และให้อภัย …..ให้อภัยพวกเขาแม้รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนผิด เราไม่ได้เป็นคนเริ่มหรือเป็นคนที่บอกลา ถ้าเราคิดได้อย่างนี้ เชื่อว่าเราต้องทำได้ นั่นคือ การฝึกที่จะรักคนที่เราคิดว่าพวกเขาไม่น่ารักกับเรา
การให้อภัยและการรักคนที่ไม่น่ารักหรือคนที่เกลียดชังเราเป็นมาตรฐานของความรักแบบคริสตชน เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าที่ทรงรักทุกคนโดยไม่แบ่งแยก ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อจำกัด แต่ธรรมชาติและความอ่อนแอของมนุษย์ ทำให้เรารักคนที่ไม่ดีกับเรายาก เราก็จะเลือกรักเฉพาะคนที่รักเราและทำดีกับเราพระเยซูคริสต์ ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรัก พระองค์ทรงล่วงรู้และเข้าใจถึงความยากลำบากของมนุษย์เราที่จะกระทำ ดังนั้นพระคำ คำสอนของพระองค์จึงท้าทายเราให้ชนะตัวเองในด้านนี้ เพื่อมุ่งสู่ความดีงามที่บริบูรณ์ เพื่อเราจะได้เลียนแบบการดำเนินชีวิตให้เหมือนพระเยซูได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ได้สอนเราในเรื่องนี้มากมาย เช่น จงรักศัตรู จงทำดีต่อผู้ที่เกลียดชังท่าน จงอวยพรผู้ที่สาปแช่งท่าน จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่ทำร้ายท่าน …..ถ้าท่านรักเฉพาะผู้ที่รักท่าน ทำดีเฉพาะผู้ที่ดีต่อท่าน ท่านจะเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร คนบาปก็ยังคงทำเช่นนั้นด้วยนักบุญฟรังซิส อัสซีซี ได้กล่าวในเรื่องของความรักไว้ว่า “ที่ใดมีความเกลียดชัง ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำความรัก ที่ใดมีความเจ็บแค้น ให้ข้าพเจ้าเป็นผู้นำการอภัย” ถ้าเราทำได้สันติสุขก็จะเกิดขึ้นในใจเรา ในครอบครัว ในสังคม ชุมชนที่เราอยู่ รวมถึงประเทศชาติเราด้วย
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด