ความโกรธเป็นอารมณ์ธรรมชาติของมนุษย์ ความโกรธนั้นเริ่มจากความไม่พอใจ แต่ถ้าเราระงับมันไว้ก็จะจบเพียงแค่นั้น แต่ถ้าเราระงับมันไม่ได้ก็จะทำให้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ ถ้าในขั้นของความหงุดหงิดรำคาญเราระงับได้ก็จะหายไป แต่ถ้าระงับไม่ได้ก็จะกลายเป็นความโกรธ ถ้าสามารถระงับได้ก็ดี แต่ถ้าระงับไม่ได้ก็จะพลุ่งพล่านออกมาทางกาย ท่าทาง หรือ ทางวาจา คำพูดต่างๆนาๆ นักคิด นักจิตวิทยาหลายต่อหลายคนมองว่าความโกรธเป็นสิ่งที่ไม่ดี บางคนบอกว่าความโกรธเป็นสภาวะของอารมณ์ที่ไม่สมความปรารถนา เกิดจากความรู้สึกที่ถูกกระทำอย่างไม่ยุติธรรม ถูกเหยียดหยามหรือได้รับการข่มขู่
กับคำถามที่ว่าทำไมเราจึงโกรธ? ที่เราโกรธก็เนื่องด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่น เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้เป็นไปตามที่เราคาดหวังได้ ที่เราโกรธก็เพราะเรารู้สึกสูญเสียอำนาจ ที่เราโกรธก็เพราะว่าเรากลัว ดังนั้นเราจึงต้องรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราโกรธและควบคุมความโกรธนั้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง ต้องทะเลาะกันก็เนื่องมาจากความโกรธ การทะเลาะกันเป็นสิ่งที่บั่นทอนจิตใจกัน เหนื่อยกันทุกฝ่าย ดังนั้นก่อนที่สถานการณ์มันจะแย่ไปกว่านี้ ให้เราถามตัวเราว่า เราไม่ทะเลาะกันไม่โกรธกันได้ไหม ทำไมต้องมาทุกข์กันเพราะทะเลาะกัน ให้เรารักกันดีกว่า ความโกรธเป็นตัวทำลายความสุข ความโกรธสามารถทำลายและบั่นทอนความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และความโกรธนั้นก็เป็นตัวทำลายทั้งความสุขและสุขภาพของคนจำนวนมากมาย
ความโกรธ เป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แล้วก็เป็นความจริงของชีวิตที่แทบจะไม่มีวันไหนเลยสำหรับมนุษย์บางคนที่จะไม่โกรธ ลองคิดดูว่า เพียงแค่ฝนตก รถติด ทำให้ไปทำงานไม่ทัน ทำให้ผิดนัดเพื่อนก็ทำให้ความโกรธเกิดขึ้นอย่างง่ายดายแล้ว สาเหตุที่คนส่วนใหญ่โกรธก็อาจเป็นเรื่องของการทำงานที่ไม่ได้ดังใจหวัง รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจและก็ผิดหวัง แต่ที่สำคัญ พยายามอย่าให้ความโกรธอยู่กับตัวเองนาน เพราะกลัวว่าจะนำไปสู่อารมณ์ที่รุนแรงยิ่งขึ้นๆความโกรธ เป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่การทำความบาปการทำผิดได้ หากเราย้อนไปเมื่อตอนที่เราเป็นเด็ก เราทุกคนต่างก็รู้จักโกรธแล้วไม่ได้ดังใจก็โกรธ ถูกขัดใจไม่ให้เล่นของมีคมเช่นมีดก็โกรธ พอเราโตขึ้นมา ถ้าบิดามารดาไม่ได้อบรมสั่งสอน เราก็จะกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ที่โกรธโมโหง่าย อารมณ์รุนแรงฉุนเฉียว และถ้าเราปล่อยอารมณ์โกรธนี้ไว้ไปเรื่อยๆก็จะโกรธถึงขั้นไปทำลายทรัพย์สิน ทำร้ายร่างกายตนเองหรือทำร้ายผู้อื่นได้เราจะเห็นได้ว่าความขัดแย้งเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ก็มาจากความโกรธ ความแค้น ความโกรธบางเรื่องก็เริ่มมาจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ เมื่อไม่ได้กำจัดไปเสียก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้
ให้เราพิจารณาว่า เราเป็นคนโกรธง่ายหรือเจ้าอารมณ์มั้ย แล้วเวลาที่เราโกรธใครแล้วเราโกรธนานแค่ไหน หรือโกรธแบบที่คนทั่วไปพูดกันว่าชาตินี้ไม่ต้องพบเจอ ไม่ต้องพูดคุยกันอีกเลย
โกรธแต่อย่าทำบาป คำกล่าวนี้มีบัญญัติในพระคริสตธรรมคัมภีร์ที่กล่าวว่า “จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป” (เอเฟซัส 4:26) ทุกคนต้องเจอและมีประสบการณ์กับความโกรธ แต่สิ่งที่ท้าทายก็ คือ เราจะจัดการกับความโกรธนั้นได้อย่างไรให้ถูกวิธี เนื่องจากความโกรธนั้นเกิดขึ้นจากอารมณ์ที่ทำให้เราไม่พอใจ ไม่ชอบใจหรืออารมณ์ที่ถูกปฎิเสธก็ได้ความโกรธในตัวของมันเองนั้นไม่ใช่ความบาป แต่เราจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีแสดงความโกรธในทางที่ถูกต้อง ถ้าแสดงออกมาไม่ถูกต้องไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือการกระทำ ความโกรธนั้นก็จะเป็นตัวทำลายความสัมพันธ์หรือทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่แย่ลงไปอีก และอาจนำไปสู่การทำผิดบาปได้ เช่น การทำร้ายร่างกาย ทำลายทรัพย์สิน แต่ถ้าเราจัดการกับความโกรธอย่างถูกวิธีก็จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นในพระคัมภีร์ไม่ได้สั่งหรือบอกเราว่า ห้ามโกรธเด็ดขาด เพราะว่าการรู้สึกโกรธนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทุกคนจะปฎิเสธไม่ได้ แต่พระคัมภีร์บอกเราว่า จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่ เพราะถ้าข้ามวันจะยิ่งทำให้ความโกรธเพิ่มพูนยิ่งขึ้น จนทำให้ความโกรธกลายเป็นความบาปได้ เพราะมีความขมขื่น ความแค้นใจ ในเมื่อพระคัมภีร์ก็ไม่ได้ห้ามเราไม่ให้โกรธ ดังนั้นเมื่อเราโกรธ เราควรจะจัดการกับความโกรธนั้นอย่างไร
พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้สอนเราว่า อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม12:21) ดังนั้นการจัดการความโกรธในวิถีทางของคริสตชนก็ควรเปลี่ยนความโกรธ ให้เป็นความรัก ดังคำสอนของพระเยซูคริสต์ที่ว่า จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง รวมถึงคำสอนที่ว่า จงรักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654