42.พลังแห่งการขอบคุณ

คนเราไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ด้วยตัวคนเดียวได้ ต้องมีมิตรมีเพื่อน แม้บางครั้งเราอยากจะอยู่คนเดียวก็ตาม แต่ชีวิตคนเราไม่แน่นอน ยามฉุกเฉินเราก็ต้องมีเพื่อนเป็นที่ปรึกษา จึงควรสร้างมิตรไว้มากกว่าสร้างศัตรูการมีเพื่อนที่ดีคนรอบข้างดี เป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมสร้างชีวิตเราให้ดีมีชีวิตอยู่อย่างราบรื่น วิธีของการสร้างมิตรแบบง่ายๆ อีกวิธีหนึ่งคือ ให้เรารู้จักขอบคุณ ขอบคุณกับทุกคนที่เข้ามาในชีวิต เพราะทุกสิ่งที่เข้ามาสู่ชีวิตเราล้วนแล้วแต่สร้างการเรียนรู้ให้เราเพื่อให้เราได้เข้าใจชีวิตมากยิ่งขึ้น
คำว่า “ขอบคุณ”นี้หลายคนเมื่อได้ยินได้ฟังแล้วก็จะรู้สึกดีใจ ยินดีเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากว่าทุกครั้งเราเป็นฝ่ายที่จะรับแต่คำขอบคุณจากผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาแต่ไม่เคยคิดที่จะขอบคุณคนอื่น พูดง่ายๆ ก็คือ ไม่ว่าใครจะทำดีพูดดีกับเราอย่างไร อย่าคิดเลยว่าคำขอบคุณจะออกจากปากเราง่ายๆถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ การสร้างมิตรภาพระหว่างกันอาจจะไม่ยั่งยืน เพราะธรรมชาติของการดำเนินชีวิตของมนุษย์เรานั้นต้องมีความสมดุลเช่น มีความดีก็ต้องมีความชั่ว มีขาวก็ต้องมีดำ ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์การสร้างมิตรภาพนั้นไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตามเราควรจะรู้จักทั้ง“การรับ” และ “การให้” เพราะคงไม่มีใครที่อยากเป็นฝ่ายให้ตลอดเวลา
คำว่า “ขอบคุณ” เป็นคำพูดที่ดีซึ่งเชื่อว่าทุกคนอยากได้ยิน แต่เราก็ควรที่จะเป็นทั้งผู้ให้ คำขอบคุณ และผู้รับคำขอบคุณ คำว่า “ขอบคุณ” จะช่วยสร้างมิตรภาพที่ดีให้เกิดขึ้นกับคนที่อยู่รอบข้างเรา เช่นคนในครอบครัว เพื่อนที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างาน คำว่า “ขอบคุณ” นับเป็นคำหนึ่งของการให้กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่เราไม่อาจลืมได้เลยเมื่อมีคนๆหนึ่งมาบอกกับเรา
คนที่ไม่รู้จักคำว่า “ขอบคุณ” มีมากมายในสังคมปัจจุบันที่เราอยู่ การกล่าวคำว่าขอบคุณนั้น สำหรับคนบางคนยากมากที่จะพูดออกมาซึ่งมีหลายเหตุผลในเรื่องนี้ แต่ที่เห็นได้ชัดก็คือ การอบรมเลี้ยงดู สภาพแวดล้อมในครอบครัว ในชุมชน สังคมที่เติบโตขึ้นมา บางคนเติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่เคย กล่าวคำว่าขอบคุณ ขอบใจกันก็มี ดังนั้นก็จะไม่เคยชิน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อพวกเขาไม่พูดออกมาแล้ว พวกเขาจะเป็นคนที่ไม่ดีและไม่คิดถึงบุญคุณคน ในทางตรงกันข้ามในใจของพวกเขาอาจจะสำนึกถึงบุญคุณของผู้ให้ ผู้ที่ช่วยเหลือมากกว่าคนที่สามารถพูดคำว่าขอบคุณออกมาง่ายๆแต่ในใจไม่ได้สำนึกถึงบุญคุณก็เป็นไปได้เราคิดอย่างไรไม่มีใครสามารถล่วงรู้ได้ ทุกสิ่งทุกย่างต้องอาศัยระยะเวลาจึงจะรู้ว่าใครเป็นอย่างไร ดีที่สุดคือ ทุกอย่างออกมาจากใจ เราคิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น หากสิ่งที่อยู่ในใจเป็นสิ่งที่ดีสำนึกในบุญคุณของผู้ให้ ผู้ที่ช่วยเหลือเรา เราก็พูดขอบคุณบอกเขาไป หรือจะเขียนเป็นการ์ดหรือข้อความส่งไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเก็บสิ่งดีๆนี้ให้เรากล้าที่จะทำในสิ่งที่ดี แล้วสิ่งที่ดีๆ อีกมากมายก็จะเข้ามาในชีวิตเรา ประเด็นอยู่ที่ว่า หากเราไม่ขอบคุณเพราะเราไม่รู้สึกถึงบุญคุณของผู้ให้ ผู้ช่วยเหลือ คนในลักษณะนี้ก็จะเป็นเพียงผู้รับและพวกเขาก็จะรับได้ในสักระยะหนึ่งเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็จะไม่ได้สิ่งใดตอบแทนอีกเพราะแม้แต่คำว่า “ขอบคุณ” ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้การขอบคุณ เป็นส่วนหนึ่งของการระลึกถึงบุญคุณที่คนๆ หนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งกระทำให้เรา ได้ช่วยเหลือเราให้เราเติบโตไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การให้คำปรึกษา การอบรมสั่งสอน การให้โอกาส การให้อภัย และอื่นๆ อีกมากมาย การรู้จักการ “ขอบคุณ” ช่วยสร้างมิตรภาพที่ดีให้เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เมื่อเราได้ฝึกฝนและทำบ่อยๆ คนแรกที่จะได้รับรู้ถึงความอิ่มเอมใจก็ไม่ได้เป็นใครที่ไหนแต่เป็นตัวเราเอง เราจะรู้สึกว่ามีความสุขมากขึ้นในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ถ้าเริ่มต้นของวันด้วยหัวใจดีๆ เราก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาสู่ชีวิตได้ง่ายขึ้น จากงานวิจัยที่ผ่านมาพบว่า คนที่ฝึกตัวเองให้ขอบคุณทุกสิ่งนั้นโดยรวมมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่ซาบซึ้งในอะไรเลย จะเห็นได้ว่าคนที่มีความกตัญญู ความรัก และมีความชื่นชมยินดีในสิ่งต่างๆ นั้น มีโอกาสในชีวิตดีกว่าคนที่ขาดความกตัญญูขาดความรัก
นอกจากนี้ยังมีการทดลองทางการแพทย์คือ เมื่อเรากล่าวคำว่า “ขอบคุณ” หรือเกิดความรู้สึกสำนึกในบุญคุณที่มีต่อผู้อื่น ร่างกายของเราจะหลั่งฮอร์โมนชนิดหนึ่งออกมาคือ เอนเดอร์ฟิน ทำให้เรามีจิตใจที่ปลอดโปร่ง สมองแจ่มใส มีความสุข การสำนึกในบุญคุณจะทำให้รู้สึกบวกโดยอัตโนมัติ ที่สำคัญการกล่าว “คำว่าขอบคุณ” ต้องออกมาจากความรู้สึกของเราอย่างแท้จริง จากภายในจิตใจของเราอย่างลึกซึ้ง เพราะผู้รับคำขอบคุณจะสัมผัสได้ว่าเราเพียงแค่ขอบคุณตามมารยาท หรือขอบคุณจากความรู้สึกที่อยากจะพูดออกมาจริงๆ ใจที่ขอบพระคุณเกิดจากใจที่เห็นคุณค่า เมื่อเราเห็นคุณค่าในสิ่งใด เราก็จะมีความรู้สึกดีๆ เกิดขึ้นในใจและอยากจะกล่าวคำว่าขอบคุณสำหรับคริสตชน เราขอบคุณพระเจ้าทุกเวลาและในทุกกรณี เพราะเราทั้งหลายต่างรู้และตระหนักดีว่าพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าผู้ทรงรักเรา เราเชื่อว่าพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์เพื่อไถ่เราทั้งหลายที่เชื่อให้หลุดพ้นจากความบาปทั้งสิ้น และเมื่อเราได้สัมผัสถึงสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อเราทั้งหลาย สิ่งที่แสดงออกจากหัวใจของเราทั้งหลายที่อยากบอกพระองค์ว่า “ขอบพระคุณ” หัวใจแห่งการขอบพระคุณพระเจ้าจึงแสดงออกโดยการสรรเสริญพระองค์เป็นบทเพลง สรรเสริญพระองค์เป็นคำพูด และสรรเสริญพระองค์ด้วยการทำสิ่งดีๆโดยปกติเมื่อมีคนทำดีกับเรา เราอยากกล่าวขอบคุณเพื่อหนุนใจผู้ที่ทำดีต่อเราให้ทำดีมากยิ่งขึ้น แต่กับ พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่สูงสุด ผู้ทรงกอรปด้วยพระเมตตา พระองค์สถิตย์อยู่กับเราเพื่อปกป้องและนำทางเราตลอดเวลาที่ดำเนินชีวิตในโลกนี้ เราควรมีใจขอบพระคุณพระองค์เป็นอย่างยิ่งการขอบพระคุณพระเจ้าจึงเป็นการระลึกถึงความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งแห่งการอวยพระพรในชีวิตเรา การกระทำของเราที่จะแสดงออกถึงการขอบพระคุณพระเจ้าก็ด้วยการช่วยเหลือแบ่งปันแก่ผู้อื่น ใจที่ขอบพระคุณจะเป็นใจที่นึกถึงสิ่งดีๆ ที่ผู้คนมีส่วนในการทำสิ่งที่ดีเพื่อเรา ไม่ว่าจะเป็นการหนุนใจ การดูแลสนับสนุน การสั่งสอน การตักเตือนและสิ่งต่างๆ ที่ได้กระทำให้กับเราหรือพี่น้องเรา ครอบครัวของเรา ดังที่บัญญัติไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า “เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วอย่างไร เจ้าจงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าเจ้าทั้งหลายรักกันและกัน ดังนี้แหละคนทั้งปวงก็จะรู้ได้ว่าเจ้าทั้งหลายเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:34-35)
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด