48.กล้าที่จะฝัน

คนเราทุกคนล้วนมีความฝันเป็นของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะฝันถึงอะไรก็ตาม  ฝันอยากมี อยากเป็นอย่างโน้นอย่างนี้  ถ้าหากเราปล่อยให้ความฝันเป็นความฝันอยู่อย่างนั้น ความฝันที่มีอยู่ก็คงจะสูญเปล่า  เพราะไม่มีการเริ่มต้นลงมือทำให้มันเป็นความจริงเสียที    ไม่มีใครรู้ได้ว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่สิ่งเดียวที่แน่ใจได้คือถ้าเราอยากจะมีอนาคตที่สวยงามและประสบความสำเร็จ เราจะต้องทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุด  วันนี้เราอาจทำในสิ่งที่เราวาดฝันไว้ได้ไม่สำเร็จ แต่เราก็ได้ชื่อว่าเป็นคนกล้าที่จะฝันคนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็เพราะเขาเหล่านั้นกล้าที่จะฝัน และพวกเขาก็ได้แบ่งปันกันว่าถ้าวันนั้นไม่กล้าฝันให้ยิ่งใหญ่ก็คงไม่รู้ว่าเราจะมีพลังล้นเหลือแค่ไหนที่จะผลักดันให้ตัวเองมาสู่จุดสูงสุด
ความฝันนับว่าเป็นปัจจัยหนึ่งของผู้คนที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิตในหน้าที่การงาน  ครอบครัว ส่วนตัวรวมถึงภาพรวมของสังคมและประเทศชาติด้วย ความฝันเป็นความต้องการที่ถูกวาดเป็นภาพในความคิดเกี่ยวกับอนาคตของเราว่า เราต้องการจะเป็นอะไร และต้องการให้สิ่งที่จะทำเกิดผลอย่างไรเราจะเห็นได้ว่าสังคมไทยในปัจจุบัน เยาวชนมีความมุ่งมั่นจนเห็นได้ชัดเลยว่าต้องการจะประสบความสำเร็จ   เยาวชนหลายคนใช้ทางลัดซึ่งสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้กับตัวเองและผู้อื่น การกำหนดเป้าหมายที่ถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะนั่นหมายถึงการกำหนดทิศทางทั้งหมดในชีวิตของเราด้วย
 เราเข้าใจได้ว่า ทรัพย์สิน เงินทอง  มีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต แต่ถ้าความฝัน หรือเป้าหมายของเราเพียงแต่ที่ต้องการจะมั่งคั่ง ร่ำรวยอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงวิธีการที่จะได้มา แม้จะเป็นวิธีการที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เสียหาย เช่น คดโกง ทุจริต  ย่อมทำให้เสียชื่อเสียง  ดังนั้น  แม้จะมั่งคั่ง ร่ำรวย เงินทองมากมาย อย่างที่พูดกันว่าใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด  แต่ต้องสูญเสียชื่อเสียง  ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ก็คงไม่เหลือความภาคภูมิใจให้กับตัวเอง ครอบครัว สังคมที่มีชีวิตอยู่  คนดีๆ ก็คงต้องเดินหนีออกจากชีวิตไม่ต้องการคบหาสมาคมด้วยหากเราต้องการมีอนาคตที่สดใส เดินไปไหนมาไหนด้วยความภาคภูมิใจ  ไม่มีชนักติดหลัง   เราก็จำเป็นต้องมีความฝันที่ถูกต้อง  ทำอย่างถูกทาง ถูกวิธีการ เพื่อไปสู่ความสำเร็จ ความฝันอย่างมีความสุข
ความฝันเป็นการสร้างแรงบันดาลใจหรือแรงจูงใจอย่างหนึ่งของชีวิต  เชื่อว่ามนุษย์เราแทบทุกคนมีความใฝ่ฝันที่แตกต่างกัน สำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของแต่ละคน  เราต้องที่กล้าที่จะฝัน และต้องพยายามสานฝันนั้นให้เป็นจริง ตัวอย่างจากชีวิตของนกอินทรีเป็นตัวอย่างที่หนุนใจเรามากในเรื่องนี้  จากบทความ“40  ปี อินทรี  123  ปี กรมอู่ทหารเรือ “  เชื่อว่าหากใครได้อ่านก็ต้องรู้สึกประทับใจ แล้วก็มีพลังกายและใจเพิ่มขึ้น
ในบทความนั้นได้เขียนไว้ว่า “เมื่อเวลาล่วงผ่าน อินทรีน้อยเติบใหญ่...ในวัย 40 ปี มันจะต้องเผชิญกับอุปสรรคอันใหญ่หลวงอีกครั้ง จะงอยปากของมันเริ่มงองุ้ม จะจิก จะกินอะไรก็ทำได้ยากเช่นเดียวกับเล็บที่ยาว และโค้งงอไม่สามารถจับสัตว์กินเป็นอาหารได้อย่างเก่า อีกทั้งปีกก็เกิดขนปกคลุมจนหนาและหนัก ทำให้การบินแต่ละครั้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก ช่วงเวลานี้กินเวลายาวนานถึง 150 วัน มันมีทางเลือกเพียง 2  ทางเท่านั้น คือ ปลิดชีวิตตัวเองเสีย หรือรักษาชีวิตให้ดำเนินต่อไป แต่ต้องผ่านบททดสอบที่แสนสาหัสสากรรจ์
หากมันเลือกหนทางแรก มันก็เพียงใช้กรงเล็บอันแหลมคมปาดคอตัวเอง ชีวิตที่จะต้องทนทุกข์ทรมานก็จบสิ้นลง  แต่หากมันเลือกหนทางที่สอง มันก็จะบินขึ้นสู่ภูเขาหินสูงแล้วเคาะจะงอยปากของมันกับหินนับร้อย นับพันครั้ง เพื่อให้จะงอยปากของมันหลุดออกมา จากนั้นก็ต้องเคาะเล็บของตัวเองที่งองุ้มกับพื้นหินแข็งๆ เพื่อให้เล็บหลุดออกทีละเล็บๆ จนหมดสิ้น ทั้งต้องจิกขนที่หนาตรงอกและปีกออกทีละชิ้นๆ จนไม่มีเหลือ แน่นอนว่ากระบวนการเหล่านี้คือความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
การที่จะทำให้ชีวิตอยู่รอดด้วยความฝันที่จะมีชีวิตต่ออีกหลายสิบปีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่สัตว์อย่างนกอินทรีก็ยังต้องมีกระบวนการของมัน  ต้องผ่านการทดสอบ ความเจ็บปวด ความทรมาน 
หลังจากที่นกอินทรีผ่านความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสแล้ว และเวลาผ่านไปจนครบ 150 วัน รางวัลที่มันจะได้รับก็คือ จะงอยปากที่งอกออกมาใหม่สวยงามกว่าเดิม เช่นเดียวกับขนที่สวยงามและเล็บอันแหลมคมเหมาะแก่การดำรงชีวิตและล่าสัตว์ แต่สิ่งสำคัญคือ มันจะมีชีวิตต่อไปได้อีก 30 ปี เป็นชีวิตที่สง่างามและมีเกียรติด้วยผ่านบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของชีวิตมาได้ มันจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยปีกที่ทรงพลัง และมีความมั่นใจมากกว่าเดิมเราได้เห็นชีวิตในวัย 40 ปี ของนกอินทรีกันแล้ว  นกอินทรีนั้น ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งนกที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกโดยสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 70 ปี  เรื่องราวชีวิตของนกอินทรี ทำให้เราได้ตระหนักว่า แท้จริงแล้วอะไรจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้นั้น ก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา การตัดสินใจของตัวเราเอง  การที่คนจำนวนมากมายที่เราเห็น เรารู้จัก หรือได้ยินจากหน้าข่าวต่างๆ  ที่มีชีวิตยืนยาวได้อย่างสง่างาม  มีศักดิ์ศรี และมีเกียรติ ก็ใช่ว่าชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นจะไม่เคยผ่านความเจ็บปวด หรือความอดทนใดๆ มาก่อน   หากแต่ทุกชีวิตย่อมต้องผ่านบททดสอบ  ทุกชีวิตต้องมีการเรียนรู้เพื่อหาหนทางที่จะก้าวเดินต่อไปเสมอ
คริสตชนดำเนินชีวิตด้วยการยำเกรงและเชื่อฟังพระเจ้าซึ่งเป็นเป้าหมายของชีวิต  เมื่อเรายำเกรง เคารพและถวายเกียรติแด่พระเจ้า  เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราปรารถนาที่จะทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยในการดำเนินชีวิตของเรา  ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำของเรา การใช้เวลาที่จะสานความฝันของเราให้เป็นจริงนั้น เราก็ต้องมั่นใจว่าฝันของเราที่จะไปให้ถึงนั้นอยู่ในการทรงนำของพระองค์ มิฉะนั้นแล้วเราจะตามหาฝันโดยลำพัง  เมื่อเผชิญกับปัญหา ความทุกข์ยากก็ถอดใจย่อมล้มเหลวเป็นธรรมดา แต่ถ้ายังคงมุ่งมั่นอดทนต่อไปได้  สิ่งดีๆ ก็รอเราอยู่พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “ถ้าการงานของผู้ใดที่ก่อขึ้นทนอยู่ได้ ผู้นั้นก็จะได้ค่าตอบแทน    ถ้าการงานของผู้ใดถูกเผาไหม้ไป ผู้นั้นก็จะขาดค่าตอบแทน." (1โครินธ์ 3:14-15)
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด