49.พระผู้ทรงเป็น...ครูแห่งแผ่นดิน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ พระองค์ท่านทรงเป็นหลักสำคัญที่ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองแก่ประเทศชาติและพสกนิกรชาวไทย พระองค์ทรงเป็นนักบริหาร  นักวิชาการ นักวิจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ เกษตรกรรม การชลประทาน การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้านการกีฬา ด้านดนตรีและการใช้เทคโนโลยีต่างๆ นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงเป็น “ครูแห่งแผ่นดิน” อีกด้วย
ในหลวงรัชการลที่ 9 ของเรา   เป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักที่สุดในโลก กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ถวายพระราชสมัญญา “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” แด่พระองค์ท่าน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554 ก็เนื่องด้วยพระองค์ทรงมีพระราชกรณียกิจที่เป็นประโยชน์แก่วงการศึกษาเหลือคณานับ  พระองค์ทรงส่งเสริมการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบ รวมทั้งกองทุนที่ก่อประโยชน์แก่นักเรียน นักศึกษาและพสกนิกร โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นทฤษฎีที่สำคัญยิ่งแก่สังคมไทยและวงการศึกษา  และด้วยเหตุนี้ทางคณะรัฐมนตรีในช่วงนั้นจึงได้มีมีมติเห็นชอบการถวายพระราชสมัญญา เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมพุทธศักราช 2553
คำว่า “ครู” ยังคงเป็นคำที่อยู่ในความเคารพนับถือของพวกเราคนไทยทั้งหลาย ซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นแรงใจให้ผู้ที่เป็นครูเกิดความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ยังหนุนใจสำหรับผู้ที่จะก้าวเข้ามาอยู่ในวิชาชีพนี้จะมีความมั่นใจว่า ได้ตัดสินใจเดินเข้ามาในอาชีพที่มีเกียรติ
พระองค์ท่านทรงมีจิตวิญญาณของความเป็นครู  พระองค์ทรงปฏิบัติให้ดูผ่านพระราชกรณียกิจในโครงการต่างๆ  พระองค์ทรงสอนโดยให้ลงมือปฏิบัติ  ทำให้ผู้เรียนรู้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง  เห็นจริงด้วยการปฏิบัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปี่ยมล้นด้วยพระคุณลักษณะแห่งความเป็นครูอย่างแท้จริง คือพระองค์ท่านมีความรอบรู้ครอบคลุมทุกศาสตร์พระองค์ท่านยังมีความใฝ่รู้ ทรงศึกษาวิทยาการอย่างลึกซึ้งและกว้างขวางด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาด้วยพระองค์เอง  ด้วยการสังเกต การทดลอง การวิจัย การแสวงหาและการใช้ข้อมูล พระองค์ท่านมีความใจกว้าง ทรงรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งเป็นคุณลักษณะสำคัญของครูและนักวิชาการ
นอกจากนี้พระองค์ท่านยังทรงมีพระอัจฉริยภาพในด้านภาษาและการสื่อสาร พระองค์ทรงห่วงใยเรื่องการใช้ภาษาไทย โดยมีพระบรมราโชวาท พระราชดำรัสในหลายโอกาสถึงปัญหาการใช้คำไทย การบัญญัติศัพท์ การออกเสียงวรรณยุกต์ พระองค์ท่านทรงเตือนใจให้คนไทยเห็นคุณค่าของภาษาไทยและช่วยกันทำนุบำรุงภาษาไทยพระองค์ท่านทรงมีเทคนิคการสอนหรือวิธีการสอน ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ของพระองค์ที่มีอย่างหลากหลายได้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย  พระองค์ท่านมีการค้นคว้า ทำการวิจัยอย่างเป็นระบบ พระองค์ทรงตั้งห้องปฏิบัติการด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและงานวิจัยด้านอื่นๆ รวมถึงการพัฒนา  การสร้างสรรค์งานทางวิชาการ และที่สำคัญ พระองค์ท่านทรงมีคุณธรรมและจริยธรรม พระราชหฤทัยเปี่ยมล้นด้วยพระเมตตาคุณ
พสกนิกรชาวไทยมีความประทับใจในแนวพระราชดำริของพระองค์ท่านที่พระราชทานในหลายโอกาส  ในโอกาสนี้ขอเผยแพร่แนวพระราชดำริของพระองค์ท่านเกี่ยวกับการศึกษาที่จะช่วยให้พวกเราชาวไทยได้บรรลุถึงจุดหมายจากใจความตอนหนึ่งว่า
"...ผู้ที่มุ่งหวังความดี และความเจริญมั่นคงในชีวิต จะต้องไม่ละเลยการศึกษา ความรู้ที่จะศึกษามีอยู่สามส่วน คือ ความรู้วิชาการ ความรู้ปฎิบัติ และความรู้คิดอ่านตามเหตุผลความเป็นจริง ซึ่งแต่ละคนควรเรียนรู้ให้ครบ เพื่อสามารถนำไปใช้ประกอบกิจการงานและการแก้ปัญหาทั้งปวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกประการหนึ่งจะต้องมีความจริงใจและบริสุทธิ์ใจ ไม่ว่าในการงาน ในผู้ร่วมงาน หรือในการรักษาระเบียบแบบแผนความดีงาม ความถูกต้องทุกอย่างเพราะความจริงใจนี้เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการผดุง และสร้างเสริมความมีสมานฉันท์ ความประสานสามัคคี และความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของส่วนรวม ประการที่สาม จำเป็นต้องสำรวจดูความบกพร่องของตนเองอย่างสม่ำเสมอ แล้วพยายามปฎิบัติแก้ไขเสียโดยเร็ว ไม่ปล่อยให้เจริญเติบโต ทำความเสื่อมเสียแก่การกระทำและความคิด ประการที่สี่ ต้องฝึกฝนให้มีความสงบ หนักแน่น ทั้งในกาย ในใจ ในคำพูด เพราะความสงบ หนักแน่น เป็นเครื่องผ่อนปรนความรุนแรง ความขัดแย้ง ความไม่เข้าใจกันและกันได้ในทุกกรณี โดยเฉพาะความสงบหนักแน่นในจิตใจนั้น ทำให้เกิดความยั้งคิดพิจารณาตามเหตุตามผล จึงช่วยให้สามารถคิดวินิจฉัยเรื่องราว ปัญหา และกระทำได้ถูกต้อง พอเหมาะ พอดีมีประสิทธิผล..."
(พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 24 มกราคม ปีพุทธศักราช 2530)
 
“การศึกษามิได้มาจากการฟังโอวาทหรือแม้จะฟังการบรรยายสั่งสอนของครูบาอาจารย์ การศึกษานั้นมาจากการสังเกต การดู การฟังของแต่ละคน หมายความว่า ดูแล้วฟังแล้วมาพิจารณาให้เป็นประโยชน์แก่ตนก็นับว่าเป็นการศึกษาแล้ว และเป็นการศึกษาที่ดีที่สุด”
(พระราชดำรัส พระราชทานแก่นิสิตของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตสงขลาวันพฤหัสบดีที่ 13  กันยายน ปีพุทธศักราช  2522)
 
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654
รายการทั้งหมด