“การดำรงชีวิตที่ดีจะต้องปรับปรุงตัวตลอดเวลา การปรับปรุงตัวจะต้องมีความเพียรและความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าคนเราไม่หมั่นเพียร ไม่มีความอดทน ก็อาจจะท้อใจไปโดยง่าย เมื่อท้อใจไปแล้วไม่มีทางที่จะมีชีวิตเจริญรุ่งเรืองแน่ๆ”(พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่ครูและนักเรียน โรงเรียนจิตรลดาวันที่ 27 มีนาคม ปีพุทธศักราช 2523)
องค์การเสียงสันติขอน้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระองค์ท่านเพื่อนำมาเผยแพร่ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านจะได้นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันและปรับปรุงแก้ไขปัญหาในการทำงาน การเรียนและในด้านต่างๆ และจะช่วยเราแก้ไขในสิ่งผิดอีกด้วย
คำสอนในเรื่อง การเป็นคนดี พระองค์ทรงมีพระราชดำรัสในงานพิธีเปิดงานชุมนุมลูกเสือแห่งชาติครั้งที่ 6 ณ ค่ายลูกเสือวชิราวุธ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม ปีพุทธศักราช 2512 ว่า“…ในบ้านเมืองนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด การทำให้บ้านเมืองมี ความปรกติสุขเรียบร้อยจึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดีหากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดีให้คนดีได้ปกครองบ้าน เมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้…”
หากเราทุกคนเดินตามแนวทางที่พระองค์ท่านทรงสอน ทรงวางไว้ให้ เราก็สามารถมั่นใจได้ว่าชุมชน สังคม ที่เราอยู่รวมถึงประเทศไทยของเราจะพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน พระองค์ท่านได้ทรงมีพระบรมราโชวาทพระราชทาน แก่ผู้สำเร็จการศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ สวนอัมพร เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2525 ไว้ว่า“การทำดีนั้นทำยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว แต่ละคนจึงต้องตั้งใจและเพียรพยายามให้สุดกำลังในการสร้างเสริมและสะสมความดี”
พระบรมราโชวาทของพระองค์ท่าน เป็นเสมือนการให้สติเตือนใจพวกเราพสกนิกรชาวไทย ให้มีความมุ่งมั่นในการทำความดี พวกเราประชาชนของพระองค์จะต้องเดินรอยตามรอยพระบาทของท่าน
เชื่อแน่ว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่ร่วมกับคนไทยทั้งประเทศและผู้คนทั่วโลกถวายอาลัยแด่พระองค์ท่าน น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
ในเรื่องการทำงาน พระองค์ท่านได้พระราชทาน พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2530 ไว้ว่า"เมื่อมีโอกาสและมีงานทำควรเต็มใจทำโดยไม่จำเป็นต้องตั้งข้อแม้ หรือเงื่อนไขอันใด ไว้ให้เป็นเครื่องกีดขวาง คนที่ทำงานได้จริงๆนั้น ไม่ว่าจะจับงานสิ่งใดย่อมทำได้เสมอ ถ้ายิ่งมีความเอาใจใส่ มีความขยัน และ ความซื่อสัตย์สุจริตก็ยิ่งจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในงานที่ทำสูงขึ้น"
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตาที่พระองค์ท่านทรงมีต่อพวกเราชาวไทย ให้เราเดินตามรอยพระบาทพระองค์ด้วยความยินดี
พระบรมราโชวาท ที่ว่า "คนเราจะต้องรับและจะต้องให้" นั้นเป็นคำสอนที่ดีมากอีกคำสอนหนึ่งที่พระองค์ท่านพระราชทานแก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เมษายน 2521 มีใจความว่า“คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้ คนเราจะต้องรับและจะต้องให้ หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมา ก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้น ให้ได้โดยพยายามที่จะสร้าง ความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติ ทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลาย มีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้”
ท้ายนี้ ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่าน ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 กรกฎาคม 2540 เกี่ยวกับเรื่องคำพูดในการดำเนินชีวิต ให้เรา พูดจริง ทำจริง พระบรมราโชวาทมีใจความว่า“ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไร ทำอย่างนั้น จึงได้รับความสำเร็จ พร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญ จากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด และสร้างเสริมความดี ความเจริญ ให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม”
นอกจากคำสอนและแบบอย่างที่ผ่านพระราชจริยวัตรอันงดงามและพระราชกรณียกิจที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงทำมาตลอด 70 ปี ยังมีคำสอนอีกมากมายที่ท่านทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่างขอให้พวกเราชาวไทยระลึกถึงคำสอนดังกล่าวนี้ที่ได้หยิบยกมาปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองสังคมและประเทศชาติด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความรักและศรัทธาในพระองค์ท่าน
#เสียงแห่งปัญญา#voiceofwisdomรายการที่นำเสนอข้อคิด ข้อชี้แนะในการดำเนินชีวิตด้วยปัญญาผลิตรายการ โดย ดร.จริยา ศรมยุราติดต่อขอรับซีดี รายการวิทยุเสียงแห่งปัญญา ได้ที่ vop@voiceofpeace.orgตู้ปณ. 131 ปณจ. เชียงใหม่ 50000โทร. 053-242-654